FootNote : ดีเอสไอ รุกคืบ คดี “หมูเถื่อน” ประชิด นักการเมือง รัฐมนตรี
การรุกของกรมสอบสวนคดีพิเศษในคดีพิเศษ “หมูเถื่อน” ไปยังแต่ละเงื่อนงำแห่งการระบุการสนองตอบ 10 กิโลกรัม ในระหว่างการต่อรองสนทนาทรงความหมายในทางการเมือง
1 ยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นคงในการรุกเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ต่ออุบัติแห่งกรณีนำเข้า “หมูเถื่อน”
มิได้ชะงักงัน หรือหยุดนิ่งหลังการปรับเปลี่ยน “อธิบดี”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญในเมื่อจังหวะก้าวได้เข้าไปสัมพันธ์ กับข้อมูลและความเป็นจริง อันอยู่ในมือทั้งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นายไชยา พรหมา ย่อมเป็นจังหวะก้าวสำคัญ
เนื่องจากเป้าหมายในการสนองตอบ 10 กิโลกรัม แวดล้อมอยู่กับบทบาทของกรมปศุสัตว์ การคลำไปยังรากฐานและต้นตอจึงมีความจำเป็น
เพราะว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะว่า นายไชยา พรหมา คือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในเมื่อบทสนทนาแวดล้อมอยู่กับการนำเข้า “หมู” และอยู่ในความรับผิดชอบของกรมปศุสัตว์ จึงเป็นการนำสืบอย่างตรงเป้า
ตรงเป้าไปยังความเป็นมาของการสนองตอบ 10 กิโลกรัม
บทสรุปในเบื้องต้นเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามารับผิดชอบในจุดอันเป็น “คดีพิเศษ” คือการโยงใยสายสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ กับนายทุนนำเข้า
นักการเมืองเป็นนักการเมือง “ใหญ่” เรียกว่า “อดีต” รัฐมนตรี
ขณะที่ข้าราชการสังกัดตั้งแต่กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมปศุสัตว์ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงย่อมมีตัวละครถูกอ้างอิงเป็นองค์ประกอบจำนวนหนึ่งเด่นชัด
ยิ่งเป็นนักการเมือง “ใหญ่” ยิ่งเป็น “อดีต” รัฐมนตรียิ่งเปิดทางสะดวกในการรุกคืบทั้งสืบสวนและสอบสวน
จังหวะก้าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษครั้งใหม่ จึงได้รับการจับตาติดตามด้วยความสนใจ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลัง
ร่วมมือถึงระดับที่เคยมีการยืนยันว่าเป็นคดีที่โยงยาวไปยังนักการเมืองใหญ่ และดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น “อดีต” รัฐมนตรี
อันเท่ากับชี้เบาะแสว่าเป็นเรื่องเก่า รัฐบาลเก่า
ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 และขยายตัวอย่างรุนแรงในสถานการณ์หลังโควิดแพร่ระบาด ก็ย่อมมีการจำกัดวง
กรมสอบสวนคดีพิเศษภายหลังการปรับกระบวนใหม่ ในการกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงเท่ากับเป็นการทำให้เกิดความกระจ่างในท่ามกลางความสงสัย
นี่ย่อมเป็นผลงานของรัฐบาล นี่ย่อมเป็นผลงานของพรรคประชาชาติ
