เหตุการณ์สถานที่ผลิต โรงงาน โกดังพลุไฟระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละครั้งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก รวมถึงผลกระทบต่อจิตใจ
เหตุการณ์พลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรีล่าสุด ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 23 ราย และมีไม่มีผู้ใดรอดออกมาเลย ถือเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โชคดีที่ตั้งอยู่ห่างจากชุมชน
ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์หาสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
หลังได้บทสรุปที่รอบด้านแล้ว ก็จะคงถอดบทเรียนทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การวางมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยในสถานที่ประกอบการประเภทนี้ให้รอบคอบ
สำหรับ สถิติการอุบัติเหตุโรงงานโกดังเก็บพลุระเบิดในรอบ 15 ปี ระหว่างพ.ศ.2551-2566 มีเหตุเกิดขึ้นแล้วมากกว่า 20 ครั้ง แต่ละครั้งล้วนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ระบุว่าปัจจุบันประเทศไทย มีโรงงานและโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟเถื่อนเป็นจำนวนมาก หลายแห่งตั้งอยู่ในชุมชน และไม่มีมาตรฐานในการควบคุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้บูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อดูแลสถานประกอบการเหล่านี้อย่างจริงจัง บางแห่งไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ที่ผ่านๆ มา พอเกิดเหตุความสูญเสียลักษณะเช่นนี้ขึ้น ทุกหน่วยก็เหมือนจะกระตือรือร้นเข้มงวดเอาจริงเอาจัง แต่พอควันไฟและฝุ่นฟุ้งจางหายไป ก็กลายเป็นความหย่อนยานและเฉื่อยชาเช่นเดิม ซึ่งไม่เป็นคุณ
Advertisement
ช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ มีสถิติเหตุการณ์ระเบิดของพลุไฟสร้างความสูญเสียหลายแห่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ 4 ครั้ง สมุทรปราการ 2 ครั้ง พิจิตร ปราจีนบุรี ราชบุรี นครปฐม จังหวัดละ 1 ครั้ง
แต่ที่เป็นโศกนาฏกรรมสูญเสียครั้งใหญ่ ได้แก่ เหตุการณ์โกดังพลุไฟในตลาดมูโนะอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ระเบิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ส่งผลทำให้บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนพังพินาศราพณาสูร มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 121 ราย
สำหรับเหตุที่สุพรรณบุรีสถานที่แห่งเดียวกันนี้ แม้จะมีใบอนุญาตถูกต้อง เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2565 ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงและความสูญเสียหลายเท่า
สิ่งที่สำคัญลำดับแรกคือการเยียวยาให้ความช่วยเหลือเหยื่อและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบในทุกด้าน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ขาดเสาหลัก พ่อแม่เสียชีวิตทั้งหมด ที่ไม่เพียงด้านความเป็นอยู่และการศึกษาเท่านั้น แต่จะต้องดูแลเยียวยาลงลึกถึงจิตใจด้วย
