หลังรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย เปิดลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนทั่วไป สรุปมีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 151,175 ราย ยอดมูลหนี้ทั้งสิ้นรวม 11,732.506 ล้านบาท
หลังจากนั้น ได้จัดไกล่เกลี่ยหนี้สินอย่างต่อเนื่อง มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้วจำนวน 33,627 ราย ไกล่เกลี่ยได้สำเร็จ 21,978 ราย มูลหนี้ลดลงรวม 899.810 ล้านบาท
หลังจากนี้จะต้องจัดทำฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมทั้งศึกษารายละเอียดการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อลงให้ลึกว่าผู้ที่ลงทะเบียนดังกล่าวมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้มากน้อยเพียงไร
สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร โดยวิธีการใด เพื่อไม่ให้วงจรหนี้นอกระบบกลับฟื้นคืนชีพกลับมาอีก หรือลดน้อยลงมากที่สุดให้จงได้
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ร่วมรับฟังการแถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้ของบุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 11 หน่วยงาน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ กล่าวว่าจากการตรวจสอบมีบุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ มีหนี้สินรวมสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท
เป็นหนี้สินในระบบ เช่น หนี้บ้าน ซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อพาณิชย์ เป็นต้น โดยบุคลากรภาครัฐจำนวน 3.1 ล้านคน เป็นหนี้สถาบันการเงินกว่า 1 พันแห่ง มีลูกหนี้ 2.8 ล้านคน มูลหนี้ทั้งสิ้น 3.3 ล้านล้านบาท
นายกรัฐมนตรีชี้ว่าปัญหาหนี้สินถือเป็นสารตั้งต้นของหายนะประเทศ เพราะไม่ใช่แค่เพียงมีเงินไม่พอ แต่อาจหันไปพึ่งสิ่งผิดกฎหมาย หรือทุจริตประพฤติมิชอบ อันเป็นสารตั้งต้นที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน
ด้านธนาคารออมสิน แถลงถึงการเร่งแก้ไขหนี้สินข้าราชการ โครงการแรกคือลดดอกเบี้ย ซึ่งลดไปแล้วทั้งสิ้น 367,189 ราย มูลหนี้กว่า 294,229 ล้านบาท หรือเกือบ 70% ของสินเชื่อข้าราชการทั้งหมด
สำหรับข้าราชการที่มีประวัติหนี้เสีย มีโครงการปรับโครงสร้างหนี้ คือไม่ฟ้องดำเนินคดี ไม่ฟ้องล้มละลาย ไม่ยึดทรัพย์ และไม่ขายทอดตลาด ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมแล้ว 24,822 ราย มูลหนี้กว่า 8,335 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่สหกรณ์ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ นำไปรีไฟแนนซ์หนี้เสีย หรือหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง 16-18% ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้สินของข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจไม่แพ้หนี้สินนอกระบบของประชาชน การเริ่มต้นแก้ไขปัญหาถือเป็นสัญญาณที่ดีที่รัฐบาลมุ่งมั่น เป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การสะสางปัญหาที่หมักหมมมาช้านานอย่างจริงจัง
