เพื่อไทย ตั้งสาขาสมุทรปราการ ‘ภูมิธรรม’บี้ ปลดล็อกให้พรรคเดินหน้าได้ ย้ำจุดยืนไม่ร่วมหารือกับคสช. ลั่นไม่แปลก คนตระกูลเดียวกันแยกสังกัดพรรค

เพื่อไทย – เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่โรงแรมเดอะคัลเลอร์ ลิฟวิ่ง สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย(พท.) จัดประชุมสมาชิกพรรค เพื่อตั้งสาขาพรรคลำดับที่ 3 ภาคกลาง โดยมีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค อดีตส.ส.สมุทรปราการ อาทิ นายวรชัย เหมะ นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย นางอนุสรา ยังตรง นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมจัดตั้งสาขาที่ 3 ที่สมุทรปราการ เพราะเป็นฐานสนับสนุนที่แข็งแรง โดยสาขาที่ 1 และ2 เปิดที่จ.เชียงใหม่และอุดรธานี ไปแล้ว ซึ่งเป้าหมายต้องทำให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด คือเปิดให้ครบ 4 สาขาในทุกภาค จากนี้จะเปิดในพื้นที่ภาคใต้ อยู่ระหว่างเลือกพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ภูเก็ตและสงขลา และจะเปิดตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบ 77 จังหวัด

ถ้าครบ 4 จังหวัดแล้วต้องเปิดอีก 73 จังหวัด ยอมรับว่าลำบาก แต่ พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคใหญ่มีฐานสนับสนุนจากประชาชน ไม่น่ามีปัญหา แต่ยังทำไม่ได้ในขณะนี้เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน เนื่องจากตัวแทนพรรคประจำจังหวัดต้องเลือกจากเขตเลือกตั้งที่ชัดเจนในเขตเลือกตั้งใดเลือกตั้งหนึ่งในจังหวัดนั้นๆ

เมื่อถามว่าหากกกต.ประกาศช้า จะมีปัญหาเรื่องตัวแทนจังหวัดหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะมีปัญหาทุกพรรค เป็นปัญหาทั้งระบบ แม้จะเป็นพรรคใหญ่มีฐานเพียงพอและเปิดได้ทันที แต่ถ้าทำไม่ทัน พรรคเล็กก็ทำไม่ทันเหมือนกัน และจะกระทบกับวันเลือกตั้ง

ส่วนที่กกต.จะประกาศเขตเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า จะดำเนินการทันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรีบทำให้ทันเพราะยังเหลืออีก 73 จังหวัด ทั้งหมดไม่ควรล่าช้าและเป็นไปตามกำหนด หากมีการปลดล็อกพรรคทำงานได้ตามปกติ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ความล่าช้าเกิดจากผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่า ขอเรียกร้องอย่าใช้กฎระเบียบและความไม่ชัดเจนต่างๆ ทำให้พรรคทำงานไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาต่อไป ดังนั้น คสช.ต้องทำให้โปร่งใส มีกติกาชัดเจนให้ทุกฝ่ายดำเนินการได้ อย่าคลุมเครือเพราะจะถูกวิจารณ์ว่ากำลังหาประโยชน์จากกติกาที่ตัวเองกำหนด

“ถ้าคสช.ตั้งใจและมองเห็นว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเป็นผลดีกับประเทศ จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและประเทศต่างๆ ยอมรับไทยมากขึ้น ต้องทำให้เข้าสู่ระบบปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้ประเทศมีความหวัง ประชาชนตัดสินใจเลือกคนมาบริหารประเทศตามที่ต้องการ” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่รับสมัครสมาชิก เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ลงพื้นที่จ.นครราชสีมาอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะต้องเกิดขึ้นอีกเพราะเป็นการเตรียมพร้อม เนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไร ส่วนจะเข้าข่ายหาเสียงหรือไม่นั้น กฎหมายระบุว่าให้รับสมัครสมาชิกได้ และพรรค พท.ระวังในสิ่งที่ทำที่สุด ไม่ทำอะไรเกินเลยหรือถูกตีความได้ว่าจะเป็นปัญหา เพราะเราเผชิญกับภาวะนี้และเป็นปัญหามาก เราทำเท่าที่เงื่อนไขให้ทำได้ และการเลือกตั้งในบรรยากาศแบบนี้ สื่อและต่างประเทศรู้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ผิดปกติ และอยากให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลเตรียมหารือกับพรรคอีกครั้ง เพื่อปลดล็อกก่อนเลือกตั้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องหารือ ทุกอย่างเหลือแค่การปลดล็อกอย่างเดียว คสช.ควรยกเลิกคำสั่งและปลดล็อกให้พรรคทำงานได้อย่างที่ควาจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย

ส่วนใครทำที่ผิดกฎหมายก็มีกฎหมายอยู่แล้ว อย่าใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยิ่งใช้เป็นข้ออ้างและพรรคทำงานได้น้อย จะสะท้อนว่ารัฐบาลกำลังสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้กับพรรคต่างๆ ทั้งนี้ พรรคมีจุดยืนว่ากกต.ควรทำหน้าที่ ถ้ากกต.เชิญมา เราจะไปหารือ แต่ถ้าคสช.เชิญ เราไม่ไปเพราะแสดงว่าคสช.กำลังครอบงำและมีบทบาทในทุกเรื่อง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวสมาชิกพรรค พท. จะไปอยู่กับพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) จะเกิดการทับซ้อนหรือไม่ เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลมาจากกติกาของรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้นักการเมืองที่อยากทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนต้องคิดว่าจะไปอยู่อย่างไร จึงเป็นเรื่องธรรมดาเพราะนักการเมืองก็หาโอกาสเข้าไปทำงานในสภามากขึ้น และการเกิดขึ้นของพรรคใหม่มาจากสภาพที่เป็นอยู่ หากปล่อยแบบนี้ พรรคจะถูกตอนและบีบให้ไม่สามารถมีสมาชิกได้ หรือมีจำนวนส.ส.ไม่มากเพียงพอ

“ส่วนที่มีบุคคลในตระกูลเดียวกันไปทำงานคนละพรรคนั้น ในอดีตเคยมี ที่สามีอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ภรรยาอยู่พรรคกิจสังคม เพราะความคิดทางการเมืองห้ามกันไม่ได้และไม่เกี่ยวกับเรื่องตระกูล” นายภูมิธรรม กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน