“วิญญัติ” ยัน คดี 99 ศพ ถึงอัยการสูงสุดนานแล้ว จี้ตอบตีกลับดีเอสไอเลิกไขสือ ชี้ “สำนวนมุมดำ” เส้นชัย “มือสั่งหาร-ตัวบงการ” อาจลอยนวล

99 ศพ – จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กับ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ จากการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. ที่วัดปทุมวนารามปี 53 จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผอ.ศอฉ. เดินทางไปยังสำนักงานอัยการ เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดี 99 ศพ ที่ล่าช้ากว่า 8 ปี

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงว่าคดี 99 ศพ มีทั้งสิ้น 371 คดี แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 คดีเกี่ยวกับการก่อการร้าย กลุ่มที่ 2 คดีเกี่ยวกับการขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ กลุ่มที่ 3 คดีเกี่ยวกับการทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ สอบสวนเสร็จ 154 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 15 คดี

กลุ่มที่ 4 คดีเกี่ยวกับการกระทำต่ออาวุธ ด้านอัยการสูงสุด ชี้แจงข้อมูลไม่ตรงกับดีเอสไอ ระบุว่า ในคดีที่ศาลมีคำสั่งว่าการกระทำให้เสียชีวิตเกิดจากฝั่งเจ้าหน้าที่ รวมสำนวน 6 ศพ วัดปทุมฯ ซึ่งสำนวนดังกล่าวยังอยู่ที่ดีเอสไอ ยังดำเนินการอยู่ เเละยังไม่ได้ส่งกลับมาอัยการในรูปเเบบไหน ไม่ว่าจะสำนวนมุมดำหรือรูปเเบบปกติ

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฏหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) เผยว่า ตามข้อกฎหมาย คดี 99 ศพทั้งหมดที่อยู่กับดีเอสไอเป็นคดีพิเศษ ฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ โดยนำสำนวนพยานหลักฐานมาจากตำรวจนครบาล ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนหลักฐานไปยังสำนักคดีพิเศษของสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) พร้อมด้วยผลการไต่สวนการตาย และผลการไต่สวนพลิกศพของผู้ชุมนุมว่า มาจากอาวุธของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัตการตามคำสั่งศาลตั้งนานแล้ว

ข้อมูลจากอัยการสูงสุด กับดีเอสไอนั้นจึงไม่ตรงกัน จึงถามว่า แท้จริงแล้วอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนมาแล้วรอบหนึ่ง ก่อนส่งกลับไปยังดีเอสไอ ใช่หรือไม่ ?

ตนมีข้อมูลว่า ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีพิเศษไปยัง อสส. แล้วหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ศาลชี้ผลการตายและชันสูตรศพไปแล้ว 21 จาก 99 ศพเกิดจากกระสุนของจนท. แต่อสส.ส่งกลับมายังดีเอสไอ คำชี้แจงอสส.ระบุว่า ยังไม่ได้รับสำนวนปกติหรือมุมดำนั้น จึงไม่อาจทราบข้อเท็จจริงได้เลยว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร กลายเป็นสำนวนมุมดำไปแล้วกี่สำนวน

สำนวนมุมดำเปรียบเสมือนเส้นชัย ตามกฎหมาย ถ้าไม่พบข้อมูลหลักฐานเพียงพอชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารระดับปฏิบัติการ ที่สลายการชุมนุม และผู้สั่งการสลายการชุมนุม หลุดจากคดีทันที

แต่คดีการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ ที่วัดปทุมฯ ถือว่าชัดเจนสุด มีทั้งสำนวนพยานหลักฐานของตำรวจ สำนวนผลการไต่สวนการตาย การชันสูตรพลิกศพจากศาล ว่า เสียชีวิตจากกระสุนของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ซึ่งมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ครบ 8 คน อย่างชัดเจน

ตามขั้นตอน เมื่อสำนักงานอัยการพิเศษ ได้รับสำนวนคดีพิเศษจากดีเอสไอแล้ว ก็จะต้องส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) นำสำนวนสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป ความล่าช้าของคดี 99 ศพนี้ จึงอยู่ในชั้นของ สำนักงานคดีพิเศษ สำนวนทั้งหมดยังไม่ถูกส่งต่อให้อสส. เพื่อนำส่งฟ้องศาล ตามที่นางพะเยา หรือแม่น้องเกด จึงไปทวงถามความล่าช้าที่เกิดขึ้น

เมื่อสำนวนทุกอย่างอยู่บนโต๊ะของ อธิบดีสำนักคดีพิเศษของอัยการสูงสุดมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ยอมดำเนินการตามขั้นตอน ก็อาจเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ด้วย ดังนั้นก็ย่อมเป็นหน้าที่ของสำนักงานคดีพิเศษ ในการส่งสำนวนให้อสส.สั่งฟ้องต่อศาลเพื่อหาข้อเท็จจริงตามกระบวนการต่อไป ไม่ใช่ทำให้กลายเป็นสำนวนมุมดำเพื่อยุติคดี โดยคดีนี้มีอายุความ 20 ปี ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 8 ปี

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน