รู้จัก ‘ชัชชาติ’ ให้มากพอ! ย้อนวลีอมตะ ‘เวลามีค่า’ สู่เส้นทาง ว่าที่นายกฯ คนต่อไป?

รู้จัก ‘ชัชชาติ’ ให้มากพอ! – จากกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผย ถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทย เตรียมสนับสนุนให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคฯ เป็นรายชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ว่า ไม่ใช่กระแสข่าว แต่เป็นเรื่องที่ในที่ประชุมของพรรค มีการพูดคุยกันแล้ว โดยจะทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน

หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป จากสื่อหลายสำนัก พบว่ามีประชาชนจำนวนมาก ให้ความสนใจกับ “หนึ่งในแคนดิเดตนากรัฐมนตรี” ของพรรคเพื่อไทยคนนี้ ถึงกับเกิดกระแส “ว่าที่นายกฯ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”

รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (ชื่อเล่นว่า ทริป) เคยเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตีเฮาส์ จำกัด (มหาชน) อดีตผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

มาการเมืองได้อย่างไร?

ชัชชาติ เข้าสู่เส้นทางทางการเมือง จากการเป็นนักวิชาการ มีโอกาสเข้ามาช่วยงานและให้คำปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคมในสมัย รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และ รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งใด ๆ

จนกระทั่ง พ.ศ. 2555 เขาได้รับการทาบทามทางโทรศัพท์ จากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แม้แม่ของเขาจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ตกลงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555

จาการที่เขาเข้ามารับงานทางการเมืองเป็นครั้งแรก ทำให้ในช่วงแรกในตำแหน่งรัฐมนตรี เขากลายเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักมากที่สุด และจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อมา เขาก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

สู่รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ชัชชาติในฐานะรัฐมนตรีคมนาคมถือเป็นบุคคลระดับหัวกะทิของรัฐบาลในด้านการวางยุทธศาสตร์ของประเทศเขาได้รับการกล่าวถึงในฐานะรัฐมนตรี “ดูโอเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลคู่กับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ “ดูโอระบบราง” คู่กับประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฯ

ด้วยนโยบายของชัชชาติ ให้ความสำคัญ กับการขนส่งระบบรางเป็นพิเศษ ผลงานในช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรี อาทิ การแก้แบบสถานีกลางบางซื่อให้รองรับรถไฟความเร็วสูง, การแก้แบบสายสีแดงเข้มจาก 3 ทางเป็น 4 ทาง, การจัดซื้อจัดขบวนรถด่วนพิเศษ CNR จำนวน 8 ขบวน, การเปลี่ยนรางรถไฟในภาคเหนือตอนบนทั้งหมด, ให้ข้าราชการระดับหัวหน้า ลองขึ้นไปนั่งรถเมล์มาทำงานแล้วรายงานปัญหา

ชัชชาติ มีภาพลักษณ์เป็นรัฐมนตรีติดดิน อาทิ ซ้อนจักรยานยนต์รับจ้าง โหนรถเมล์ นั่งรถสองแถว โดยสารรถไฟ ออกตรวจตราราชการในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อตรวจปัญหาด้วยตนเองหลายครั้งที่เขาไปตรวจงานตามองค์กรของรัฐโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สำหรับในโลกออนไลน์ ความนิยมได้เริ่มขึ้นมาจากรูปภาพหนึ่งที่ รศ. ชัชชาติ เข้าไปทำบุญใส่บาตรภายในวัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมีลักษณะสวมเสื้อแขนกุด หิ้วถุงอาหาร และเดินด้วยเท้าเปล่า หลังจากภาพนี้ เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต มีผู้คนตัดต่อภาพล้อเลียน รวมถึงเลียนแบบท่าทางในรูปดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และได้รับการกล่าวขนานนามว่าเป็น “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”

“เวลา” มีมูลค่า มากกว่าสิ่งใด

หากเมื่อย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2556 นายชัชชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในขณะที่ตนนั้นกำลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งในวันนั้น นายชัชชาติ กำลังจะอภิปรายพ.ร.บ.สร้างอนาคตไทย ในสภาผู้แทนราษฎร

ซึ่งเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ที่จะนำเงินมาสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าในกทม. ถนนสี่เลน ด่านศุลกากร ศูนย์กระจายสินค้า มอเตอร์เวย์ บูรณะถนนสายหลัก ถนนเชื่อมประตูการค้า ท่าเรือ สะพานข้ามทางรถไฟ โดยกระจายอยู่ในทุกๆ ด้าน และอยู่ในทั่วทุกภูมิภาค ตามความจำเป็นและยุทธศาสตร์ของประเทศ (อ่านต่อได้ที่นี่) โดยตอนหนึ่งที่อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร นายชัชชาติได้ระบุว่า

“พ.ร.บ.นี้ ไม่ใช่กู้ทีเดียวทั้งหมด แต่ทยอยใช้ในระยะเวลา 7 ปี ในสัดส่วนที่เหมาะสม และการคมนาคมต้องทำในภาพรวม รถไฟทำทีละท่อนไม่ได้ ใช้ประโยชน์ไม่ได้

ส่วนเรื่องการสร้างหนี้ เราต้องพิจารณาเรื่องมิติของเวลาด้วย การที่เราไม่ทำมา 20 ปี แล้วมาทำตอนนี้ อันนี้คือการที่คนในอดีตมาสร้างหนี้มาให้เราหรือเปล่า?

ในปี 2536 เราอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ เวลานั้นใช้งบประมาณ 80,000 ล้านบาท มาวันนี้เราต้องใช้เงิน 400,000 ล้านบาท และถ้าเราไม่ทำวันนี้ นักเรียนที่มานั่งฟังในสภาที่ต้องทำในอนาคต อาจจะต้องจ่าย 2 ล้านล้านแล้วทำได้แค่รถไฟทางคู่ก็ได้

“เวลามีมูลค่า”

ซึ่งโพสต์นี้ ได้ถูกนำหยิบยก และถูกแชร์ต่ออยู่เป็นระยะๆ (อ่านได้ที่นี่)


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน