บิ๊กตู่ จ่อเลิกพูด! ลั่น ไม่ลาออก ตาม 4 รัฐมนตรี พลังประชารัฐ ยันไม่ปรับ ครม.

บิ๊กตู่ ปรับ ครม. – เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 29 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกของ 4 รัฐมนตรีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า

การดูแลงานด้านเศรษฐกิจคงไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลยังทำงานต่อไปได้ เพราะ 3 กระทรวง คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม มีรัฐมนตรีช่วยฯอยู่แล้ว หากไม่มีรัฐมนตรีช่วยฯ ก็ต้องไปดูระเบียบสำนักนายกฯ ที่มีข้อกำหนดว่า ถ้ารัฐมนตรีไม่อยู่จะมอบหมายให้รัฐมนตรีท่านใดรักษาการแทน ถ้าหลุดจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของรองนายกฯ กำกับดูแลแทน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ลาออกจาก รมต.สำนักนายกฯ มีนายสุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกฯ ดูแลรักษาการแทน ส่วนนายอุตตม สาวนายน ที่ลาออกจาก รมว.อุตสาหกรรม มีนายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสากรรม รักษาการแทน

ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เมื่อนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ลาออก เป็นหน้าที่ของนายพิเชษฐ์ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ดูแลแทน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ลาออกนั้น ก็มี น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์รักษาการอยู่

ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีที่กำกับดูแลแทนไม่อยู่ ก็จะเป็นหน้าที่ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีที่จะต้องกำกับดูแลแทน

“เมื่อทุกคนลาออก การทำงานนับจากนี้ก็จะรับผิดชอบโดยรัฐมนตรีที่รักษาการแทนตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาในการทำงาน เมื่อเช้าที่ทั้ง 4 คนไปพบผม แจ้งความจำนงว่าอยากลาออก ไปทำงานในส่วนการเมือง ผมขัดข้องอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แม้ผมจะเสียดายท่านเหล่านั้นมากน้อยเพียงใดก็ตาม เพราะที่ผ่านมาท่านก็ช่วยผมทำงานนานพอสมควร มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในหลายเรื่อง

อย่างไรก็ตาม เรามีกลไกของแต่ละกระทรวงอยู่แล้ว ที่จะช่วยกันทำงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ เพราะยังทำงานต่อไปได้ ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีในช่วงนี้ ไม่มีอีกแน่นอน”

อนาคตบิ๊กตู่ อยู่พรรคไหน?

เมื่อถามพล.อ.ประยุทธ์ ถึงอนาคตทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า การตัดสินใจทางการเมือง ตนบอกแล้วว่าต้องรอให้เขามาเชิญก่อน เมื่อเชิญมาแล้วก็ต้องมีระยะเวลาที่ตนต้องนำนโยบายของเขามาศึกษาว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร ถ้าตนจะร่วมกับเขาในทางการเมือง ต้องดูหลายๆ นโยบายตนรับได้หรือไม่ ในเมื่อตนทำมา 4-5 ปี ก็พอจะรู้บ้างว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรทำได้หรือไม่ได้

ขณะเดียวกัน ตนต้องศึกษากฎหมายทุกตัว ทั้งระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ การหารายได้ รายจ่ายรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ทำงบประมาณติดต่อกัน รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไร มีสัดส่วนอยู่ในพ.ร.บ.การเงินการคลังใหม่ออกมาอย่างไร ดังนั้น ต้องระมัดระวัง หากจะทำอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องระวังข้อกฎหมายปัจจุบัน ซึ่งเวลา 4-5 ปี หลายอย่างเปลี่ยนแปลง

หลายท่านที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้มาอาจจะไม่ทราบ ไม่สนใจ ไม่เข้าใจ เวลาไปสร้างการรับรู้ข้างนอกมา บางทีทำไม่ได้จริง แบบนี้จะทำอย่างไร ต้องระมัดระวังและศึกษา คนที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินต้องศึกษากฎหมายเหล่านี้ด้วย เพื่อทำนโยบายให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนและประเทศชาติ

“เมื่อเขามาเชิญผม ผมก็ต้องพิจารณา และขอเวลาสักนิดในการพิจารณา ว่าผมควรจะอยู่หรือไม่อยู่ ควรจะทำต่อหรือไม่ทำต่อ ถ้าทำต่อจะทำอะไร มากน้อยแค่ไหนอย่างไร มันมีเวลาให้ผมตัดสินใจ เพราะเขาบอกแล้วว่าถ้าจะต้องเสนอรายชื่อนายกฯ ในช่วง 4-8 ก.พ.นี้ ผมก็จะพิจารณาในช่วงนั้น ก็จะรู้กันตอนนั้นว่าอยู่หรือไม่อยู่

อย่าเพิ่งเร่งรัดอะไรผมมากนักเลย รวมถึงเรื่องบทบาทของผม ได้มอบหมายในที่ประชุมวันนี้ขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องช่วยไปหารือฝ่ายกฎหมายของเรา ทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาและหารือกับกกต.ให้เกิดความชัดเจน ไม่ว่าจะการเยี่ยมประชาชน การประชุมครม.นอกสถานที่ แม้กระทั่งการพูดทุกวันศุกร์ในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมก็จะถามเขาหมดว่าทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางการเมืองต่อไปในการทำผิดกฎหมาย ผมต้องรอบคอบ การตัดสินใจของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ในส่วนเฟซบุ๊กและอินสตราแกรมส่วนตัวรวมถึงการจัดรายการคืนวันศุกร์คงต้องถาม กกต.ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร ตนระวังที่สุด สมมติว่ายังอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ยังไม่ได้เป็นอะไรเลย ก็ต้องระวังระดับหนึ่ง แต่ถ้าเกิดไปร่วมในรายชื่อกับพรรคการเมือง ตอบรับขึ้นมาก็ต้องระวังอีกขั้นหนึ่งหรือเปล่า ก็ต้องหารือกัน ช่วยกันมองแล้วกันว่าตนทำอะไรดีๆ บ้างหรือเปล่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาการจัดงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก จะมีกิจกรรมตลอดทั้งเดือน พ.ค.ขอให้เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงต้องทำให้เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความเรียบร้อย ช่วงนั้นการเมืองก็เดินหน้าไปสู่การเตรียมการจัดตั้งรัฐบาล เดินกันเข้าไป คงไม่วุ่นวายเท่าไหร่ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน

ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงและกังวลอย่างเดียวหลังการเลือกตั้ง แต่ระหว่างนี้คงไม่น่ามีอะไร เพราะทุกคนมีบทเรียนแล้ว ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ประชาชน มีบทเรียนมามากขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร ตนไปเกี่ยวข้องไม่ได้ แต่หน้าที่ของตนคือดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เข้าใจหรือไม่

เมื่อถามว่า ช่วงวันที่ 4-8 ก.พ.นี้หากตัดสินตอบรับพรรคการเมือง วันนั้นจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าลาออกแล้วใครจะทำ ไม่ออก เป็นนายกฯอยู่อย่างนี้แหละ กฎหมายไม่ได้ให้ออก ก็ไม่ออก

เมื่อถามว่าแล้วตำแหน่งหัวหน้า คสช.จะลาออกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า “คสช.เขาต้องอยู่ถึงเมื่อไหร่ อยู่จนถึงมีรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ เมื่อรู้แล้วก็ตามนั้น อย่ามาถามซ้ำ ส่วนการหารือกับฝ่ายกฎหมายและกกต. เดี๋ยวเขาก็จะหารือในวันนี้ พรุ่งนี้ จะรีบร้อนไปไหน”

เมื่อถามว่านอกจากถามตัวเอง นายกฯต้องถามใครอีกหรือไม่ก่อนตัดสินใจทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมมีคำตอบอยู่แล้ว จะอยู่หรือไม่อยู่ ผมมีคำตอบอยู่ในใจ อยู่ในขั้นตอนขั้นแรกแล้ว ผมบอกแล้ว ขอดูนโยบายอะไรต่างๆ ว่าจะมีปัญหากับการเป็นนายกฯ ของผมหรือเปล่า การเป็นนายกฯและหัวหน้าคสช. ถ้าจะให้ระมัดระวังตัวเอง ก็ไม่ต้องพูดอะไรเลย”

เมื่อถามว่าครอบครัวต้องสนับสนุนด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของตน การตัดสินใจบางอย่างตนไม่ได้ถาม เพราะทุกคนเข้าใจสถานการณ์ของตนอยู่แล้ว เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่าหากตัดสินใจชัดเจนจะเลือกอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันต้องอยู่มั้ง ไม่มีอย่างอื่น ถ้าอยู่คือต้องอยู่ในบัญชีนายกฯ เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวจะไปบอกว่าจะเป็นนายกฯคนใน คนนอก วุ่นวายไปหมด ถ้าอยู่ก็อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ”

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้บางพรรคการเมืองวิจารณ์กรณีมีทหารติดตามความเคลื่อนไหวขณะหาเสียงของบางพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ตามทุกพรรค พรรคไหนทำอะไร เขารายงานมาทั้งหมด


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน