‘ช่อ’ ยัน อนาคตใหม่ ชู ‘ธนาธร’ ชิงนายกฯ พร้อมเป็นฝ่ายค้าน! รอหารือ 7 พรรค หวนดัน ‘หญิงหน่อย’ จวก ส.ว.จุ้นโหวตนายกฯ หวั่นรัฐบาลปริ่มน้ำ ผ่านกฎหมายสำคัญสะดุด

วันที่ 30 พ.ค. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย (พท.) จะปรับเปลี่ยนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกลับมาเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ว่า เราไม่สามารถก้าวล่วงการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยได้ อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะเห็นชอบใครเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับพรรคอนาคตใหม่ยืนยันมาตลอดว่าแคนดิเดตของพรรคมีเพียง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เท่านั้น

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า แม้จะมีความกังวลว่านายธนาธร ถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราวโดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้นั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าคุณสมบัติของนายธนาธร มีศักดิ์และสิทธิในการดำรงตำแหน่งครบทุกประการ และเราเชื่อว่านายธนาธรเอง เป็นนักการเมืองที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ จึงมีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทิศทางของทั้ง 7 พรรคฝ่ายต่อต้านสืบทอดอำนาจ มีความเห็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เราเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีแน่นอน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ถามต่อว่ายังมีความหวังว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะเปลี่ยนใจมาเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจหรือไม่ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า หลังการเลือกประธานสภาฯ เห็นได้ว่าเกมการเมืองเปลี่ยนไปพอสมควร ทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เรายังหวังเสมอว่า แต่ละพรรคจะทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้กับประชาชน และเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะหลายวันที่ผ่านมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะว่า ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจตกต่ำ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เราพยายามบอกมาตลอดว่า อย่าสิ้นหวัง ทางพรรคพยามเต็มที่แล้วในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ตอนนี้โต๊ะเจรจายังคงเปิด ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลโดยฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ จะสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด หากเป็นฝั่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทุกคนก็เห็นแล้วว่า เสียงปริ่มน้ำ ลำพังแค่การเลือกประธานสภาก็กินเวลาไป 2 วัน เพราะฉะนั้นการออกกฎหมายสำคัญ อย่าง พ.ร.บ.งบประมาณ หรือนโยบายที่ต้องเร่งออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนจะต้องใช้เวลาอีกเท่าไร นั่นคือสิ่งที่เรากังวล

“ทางเราไม่สบายใจที่เห็นคุณเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภาออกมาพูดว่า หากสถานการณ์วุ่นวาย และส.ส.ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ส.ว.จะต้องเข้ามาช่วยจัดการ ซึ่งต้องย้อนไปว่า ปัญหาที่คาราคาซังอยู่ จนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นเพราะกลไกการสืบทอดอำนาจของคสช. ที่ชื่อวุฒิสภา ส่งผลให้การตัดสินใจของพรรคการเมืองบิดเบี้ยวไปหมด ขณะที่ส.ว.เองก็ยังมีปัญหาในเรื่องความชอบธรรม หากพวกท่านต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองจริงๆ สามารถทำได้โดยการให้ท่านอยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี และปล่อยให้การเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ของ ส.ส.” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุ

ต่อข้อถามว่าพร้อมหรือไม่หากต้องเป็นฝ่ายค้าน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลไม่สำคัญเท่ากับมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาจริงหรือไม่ หากเป็นรัฐบาลแต่ต้องยอมซูเอี๋ย หรือทำตามนายกรัฐมนตรีทั้งหมด เป็นรัฐบาลไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ หากเป็นฝ่ายค้านแล้วสามารถยับยั้งกฎหมายที่ออกมาแล้วสร้างความเดือดร้อน น่าจะเป็นการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่าด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่ารายชื่อประธานสภาและคณะทำงาน สร้างความเชื่อมั่นหรือไม่ว่าจะมีความเป็นกลางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรายอมรับผลการเลือกตั้งในสภา เราหวังว่านายชวน หลีกภัย จะทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรม เพราะถ้าประธานสภาเลือกข้าง หรือตัดสินไม่เป็นธรรม ประสิทธิภาพของสภาจะลดลง การเลือกข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะส่งผลต่อการอภิปรายต่างๆ ของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

ถามต่อว่า ได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ ว่ารัฐบาลของคสช. จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้กี่ปี น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า กี่ปีไม่สำคัญเท่าจะออกนโยบายที่เป็นรูปธรรมได้มากน้อยแค่ไหน แต่หาก พปชร.ยังดึงดันจะจัดตั้งรัฐบาล การบริหารประเทศคงจะทำได้ยาก เพราะเสียงปริ่มน้ำทำให้ทุกการโหวต มีการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันเยอะ สุดท้ายไม่มีใครได้ประโยชน์ เว้นแต่คนที่จะรักษาเก้าอี้ของตัวเอง

“เราใช้เงินไปกับการเลือกตั้งหลายพันล้านบาท แน่นอนว่า การยุบสภาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ปัญหาเมื่อถึงวาระทางตันที่รัฐบาลบริหารประเทศต่อไม่ได้ แต่หากเกิดกรณีที่เข้าไปปุ๊บแล้วยุบสภาทันที ประชาชนคงตั้งคำถามว่า เป็นการยุบสภาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือประชาชนกันแน่ และขอให้ประชาชนอย่างพึ่งหมดหวัง เพราะคนที่เป็นรัฐบาลอาจไม่ใช่คนที่ประกาศตัดสินใจยุบสภา ตอนนี้เร็วเกินไป สภายังไม่ได้เป็นของคุณ จึงไม่สามารถตัดสินใจว่าจะยุบหรือไม่ยุบได้”น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน