58 ปีวันประหาร ‘ครูครอง’ เจ้าของวาทะ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

วันที่ 31 พ.ค. ศิลปวัฒนธรรม ได้เผยแพร่บทความ “ครูครอง จันดาวงศ์” นักต่อสู้ประชาธิปไตย เจ้าของวาทะ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ เขียนโดย กฤษณะ โสภี เนื่องในวันครบรอบ 58 ปี ประหารชีวิตครูครอง ระบุตอนหนึ่งว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” หลายคนคงจะคุ้นหูกับวาทะนี้

บางท่านคงรู้ดีว่าเป็นคำกล่าวของ “ครูครอง จันดาวงศ์” นักต่อสู้ทางการเมืองผู้ไม่เห็นด้วยกับระบอบเผด็จการรวมถึงพยายามคัดค้านระบอบนี้อย่างหัวชนฝา

บทบาทการต่อสู้ทางการเมืองของ ครูครอง นั้นเรียกได้ว่าเคียงคู่มากับ “ขุนพลภูพาน” เตียง ศิริขันธ์ ส.ส. จากจังหวัดสกลนคร (ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเท่า) มาตั้งแต่ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสายอิสานเลยทีเดียว จากนั้นก็เคลื่อนไหวต่อสู้กับระบบอันอยุติธรรมมาตลอดช่วงชีวิต จนครูครองได้รับการขนานนามว่าเป็น “วีรบุรุษแห่งสว่างแดนดิน”

การต่อสู้ทางการเมือง

ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ครูครอง จันดาวงศ์ เป็นอดีตเสรีไทยสายอีสานร่วมกับเตียง ศิริขันธ์ อีกทั่งยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร มีการต่อต้านคัดค้านระบอบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาโดยตลอด เคยถูกจับข้อหาเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดนเมื่อปี 2491 และกบฏสันติภาพเมื่อปี 2495

ถูกปล่อยตัวออกมาในช่วงพ.ศ. 2500 ในกรณีนิรโทษกรรมกึ่งพุทธกาล ช่วงที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารโค่นจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีการยุบสถาและเปิดให้มีการเลือกตั้งในปีเดียวกัน ครูครองลงสมัคร ส.ส.ก็ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสกลนคร

จนกระทั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อการรัฐประหารครั้งที่สองเพื่อยึดอำนาจใน พ.ศ.2501 พร้อมกับปกครองในระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบ ยกเลิกระบอบรัฐสภาและยุติการเลือกตั้ง จากนั้น ก็ได้กวาดล้างปราบปรามนักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองฝ่ายค้านจำนวนมาก

ในตอนแรกนั้นครูครองไม่ได้ถูกกวาดล้างในรอบแรกนี้ ครูครองจึงต้องออกจากส.ส. มาประกอบอาชีพเป็นครูควบคู่กับการทำเกษตรกรและค้าขายที่สกลนคร รวมถึงยังคงทำงานร่วมกับประชาชนเช่นเดิม โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะจัดตั้งให้ชาวนาชาวไร่รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ

ครูครองได้แนะนำการทำเกษตรกรโดยให้ชาวบ้านลงแขกเพื่อช่วยเหลือกันในการทำนา พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ต่อต้านอำนาจเผด็จการไปด้วย

ครูครองและผองเพื่อนมีการจัดตั้งสมาคมลับที่ชื่อ “สามัคคีธรรม” เพื่อทำการต่อต้านอำนาจเผด็จการ และอบรมสั่งสอนประชาชนที่ทุกข์ยากให้รู้จักถึงความสำคัญของชนชั้นกรรมาชีพ ครูครองทำการต่อต้านอำนาจเผด็จการจนกระทั่งถูกล้อมจับในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2504 ท้ายที่สุดก็ถูกคำสั่งประหารชีวิตด้วยมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ โดยไม่มีการไต่สวนพิจารณาคดีแต่อย่างใด

ครูครองถูกประหารชีวิตพร้อมกับคูรทองพันธ์ สุทธิมาศ ในวันที่ 31 พฤษภาคม ปีเดียวกัน กล่าวกันอย่างแพร่หลายว่าก่อนที่จะทำการประหารนั้นทหารได้นำตัวครูครองไปพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะที่ถูกจับครูครองให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่ถือโทษโกรธตำรวจแต่อย่างไร เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ ขอแต่ให้ดำเนินคดีไปตามตัวบทกฎหมายก็แล้วกัน ผมไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลย เพราะถูกจับเสียจนชินแล้ว”

หลังจากนั้นครูครองกับเพื่อนที่ถูกจับก็ถูกนำตัวส่งเข้าหลักประหาร ก่อนที่จะทำการยิงเป้านั้น เขาได้ฝากวาทะสำคัญอันลือเลื่องไว้ก็คือ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” จบประโยคกระสุนก็รัวใส่ร่างของครูครองจนสิ้นชีพ เป็นอันสิ้นสุดบทบาทของวีรบุรุษสว่างแดนดินแต่บัดนั้น

รัฐบาลกล่าวอ้างการประหารชีวิตครูครองในครั้งนี้ว่า เป็นการก่อการกบฏต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรและราชบัลลังก์ เพื่อป้องกันมิให้เป็นตัวอย่างในการกระทำผิดชนิดนี้ต่อไปภายหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการประหารชีวิต

กล่าวว่าปลายปี 2504 จิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในคุกลาดยาว ได้แต่งเพลง “วีรชนปฏิวัติ” ขึ้น จากความรู้สึกประทับใจในการต่อสู้ของครูครอง จันดาวงศ์ และในเวลาต่อมาเพลงนี้ก็ยังได้รับการเผยแพร่และขับร้องกันสืบมาในขบวนการของฝ่ายประชาชน

ถึงแม้ว่า ครูครอง จันดาวงศ์ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่คำกล่าวขานถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังคงครุกรุ่นอยู่เสมอ พร้อมกับประโยคทองของครูครองที่จะเป็นอมตะตลอดไป ตราบใดที่เผด็จการยังคงรู้สึกสง่างามกับอำนาจบาตรใหญ่ของเขา

อ่านบทความ “ครูครอง จันดาวงศ์” นักต่อสู้ปชต.เจ้าของวาทะ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน