พรรคก้าวไกลแถลงการณ์ถึงการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้เฉพาะจัดการ โควิด เท่านั้น ชี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมายอ่อนแอ แต่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์รับมือการระบาดของไวรัส

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน – วันที่ 24 มี.ค. พรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังที่รัฐบาล นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในวันนี้(26มี.ค.) เพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น

พรรคก้าวไกลมีความเห็นดังต่อไปนี้ 1.การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาลเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า วิกฤตที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าก่อนหน้านี้กฎหมายปกติอ่อนแอหรือคณะรัฐมนตรีมีอำนาจน้อยเกินไป

แต่หัวใจของปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตเกิดจากการที่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การวางแผนอย่างไม่รอบคอบ ขาดการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเพียงพอ รวมถึงความล้มเหลวในการเปิดเผยข้อเท็จจริงและการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ไม่ได้ด้วย พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ

2.พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ อย่างจำกัดและระมัดระวัง เพื่อมุ่งลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยจำกัดการพบปะกันของผู้คน ควบคุมการเดินทาง และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคมต่อประชาชนที่ต้องกักตัวเองหรือได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19

3.พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านมีความสำคัญในช่วงเวลาวิกฤต เพื่อทำให้ประชาชนเท่าทันกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและสามารถที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้

4.เนื่องจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ให้อำนาจรัฐบาลและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง เช่น อำนาจจับกุม ควบคุมตัว ตรวจค้น ตรวจสอบการสื่อสาร และกำหนดโทษร้ายแรง โดยข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตาม พ.ร.ก. นี้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยศาลปกครอง และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก. นี้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย

ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ตามอำเภอใจ แต่ต้องใช้อำนาจอย่างได้สัดส่วนต่อการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เท่านั้น และต้องให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และสมควรแก่เหตุหรือไม่

สุดท้าย พรรคก้าวไกลขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ผู้ป่วยกับครอบครัว และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ พวกเราขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสวงหาทางออกจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ให้ดีที่สุด

ปัญหาอยู่ที่รัฐบาล

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล(กก.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเราพบว่าปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาจากการประเมินสถานการณ์ที่ต่ำเกินไปของรัฐบาล ขาดการเตรียมความพร้อม

ขณะที่ภาคสังคม ประชาชน ถามถึงมาตรการการคัดกรอง ชุดการตรวจ การเครื่องมือการตรวจ หรือมีแผนการอย่างไร เครื่องช่วยหายใจ หอผู้ป่วยแยก หรือจำนวนเตียงมีเพียงพอหรือไม่ หรือแม้กระทั่งหน้ากากอนามัยขั้นพื้นฐาน รัฐบาลก็ยังเตรียมการไม่ได้

ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมายมันอ่อน หรือรัฐมนตรีมีอำนาจไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา และแก้ปัญหาทีละเรื่อง ถ้าแก้เรื่องที่ 1 แล้วจะรองรับเรื่องที่ 2 ได้อย่างไร เช่น กรณีกทม.สั่งปิดห้างสรรพสินค้า หยุดกิจกรรมในกรุงเทพฯ

“รัฐบาลไม่ได้คาดการณ์ว่าจะมีประชากรแฝงที่มีเป็นล้านคนกลับออกจากต่างจังหวัด ซึ่งจะเป็นผลกระทบสู่วงกว้างไปอีก ทั้งหมดนี้รัฐบาลไม่เตรียมการ ขาดการประเมินผลกระทบ การสื่อสารของรัฐบาลขาดเอกภาพ ขาดการเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นจริง” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราเป็นกังวล คือ หากรัฐบาลไม่เปลี่ยนความคิดอยู่ในกรอบการทำงานแบบเดิมๆ แต่ที่เพิ่มเติมคือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการละเมิดสิทธเสรีภาพของประชาชน สามารถจับกุม ควบคุมตัว ตรวจสอบบุคคล และกำหนดโทษกับประชาชนด้วย แลละไม่มีอำนาจใดคานได้ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง อาญา และวินัย

โดยปกติประชาชนสามารถฟ้องร้องแก่รัฐได้ เช่น ในคดีแพ่งเรื่องการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ เกิดความเสียหาย ซึ่งถ้ารัฐบาลอยู่ในกรอบความคิดการแก้ปัญหาเดิมๆ ดึงดันทำในสิ่งที่ผิด พ.ร.ก.นี้จะเป็นการส่งเสริมให้ละเมิดสิทธิประชาชน และประชาชนจะไม่สามารถฟ้องร้องรัฐได้เลย

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เราอยากให้รัฐบาลใช้อำนาจของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบบเฉพาะเจาะจงในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด19เท่านั้น และต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ตรวจการทำงานของรัฐบาลได้ ถ้าประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลจะทำให้ประชาชนประเมินสถานการณ์ด้วยตนเองไม่ได้ และคราวนี้จะเกิดความตระหนกตกตื่นเกิดขึ้นแน่นอน

เมื่อถามว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลประกาศมานั้น มีความแตกต่างกับที่ยังไม่ประกาศอย่างไรบ้าง โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ดูจากกระแสของประชาชน ก็ยังไม่พบว่าประชาชนจะเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาขาดเความเชื่อถือไปแล้ว

รัฐบาลขาดวิสัยทัศน์ รัฐบาลประเมินสถานการณ์ในช่วงแรกว่าเป็นแค่โรคไข้หวัด ซึ่งตนมองว่าประชาชนไม่ได้เห็นอุปสรรคของกฎหมายที่มีอยู่ แต่มองว่ารัฐบาลขาดศักยภาพในการแก้ปัญหามากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน