วันที่ 30 ส.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำนปช. ประกอบด้วย นายนิสิต สินธุไพร นายวรชัย เหมะ นพ.วัลลภ ยังตรง นายพายัพ ปั้นเกตุ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายวันชนะ เกิดดี นายสำเริง ประจำเรือ นายสมญศฆ์ พรมภา นายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง นายศักดา นพสิทธิ์ นายนพพร นาทเชียงใต้ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดียุยงส่งเสริมปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน และสมคบกันเกิน 10 คนขึ้นไป กรณีพากลุ่มมวลชนยกขบวนไปปิดล้อมและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552 หรือคดีพัทยา จะไปยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 31 ส.ค. เวลา 11.00 น. เพื่อแสดงความประสงค์ให้อัยการพัทยา อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทยา

สืบเนื่องจากอัยการพัทยา ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีที่พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ อดีต ผกก.สภ.ไชยบุรี จ.สุราษฎร์ธานีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ศราวุฒิ บุญชัย สวป.สภ.ขลุง จ.จันทบุรี เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพัทยาข้อหาแจ้งความเท็จและให้ให้การเท็จต่อศาล ปรากฎว่าศาลพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ทั้งนี้ จำเลยคดีพัทยาหลายคนได้รับผลจากการให้การของพ.ต.ท.ศราวุฒิ ให้ได้รับโทษทางอาญา และการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมรู้อยู่แล้วว่าการแจ้งความเท็จ ให้การเท็จต่อศาล ทำให้ผู้อื่นได้รับโทษสูญสิ้นอิสรภาพและมีคดีติดตัวเป็นความผิดร้ายแรง ซึ่งต้องมีความผิดสูงกว่าประชาชนธรรมดาทั่วไป

ดังนั้น จำเลยคดีพัทยาจึงประสงค์ให้อัยการพัทยา อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทยา และจะไปยื่นหนังสือต่ออัยการภาค 2 เพื่อติดตามคดีนี้ เพราะคดีนี้จะครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 9 ก.ย.นี้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน