เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตรวจบ้านของเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดพร้อมกัน 14 จุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่า เป็นการทำงานของตำรวจตามขั้นตอนปกติ ซึ่งตนยังไม่ได้รับการรายงานในเรื่องดังกล่าว เรื่องการตรวจทุจริตเงินวัดนั้นยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องแม้พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ผอ.พศ.แล้วก็ตาม ทุกเรื่องหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ต่อไป จะหยุดไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจ ปปป. เข้าไปตรวจค้นบ้านผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงว่ามีการการเชื่อมโยงกับการทุจริตเงินทองวัดหรือไม่ นายออมสิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถาม ปปป. เข้าใจว่าเป็นกระบวนการทำงานของ ปปป. ที่ไปขอหมายศาลเข้าไปของตรวจค้น

เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตเงินทอนวัดเพิ่มเติมหรือไม่ นายออมสิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือมาถึงตนโดยระบุว่า ตรวจพบการทุจริตเงินทอนวัดประมาณ 30 วัด ส่วนใหญ่เป็นวัดขนาดเล็กทั่วประเทศ เท่าที่จำได้มีผู้เกี่ยวข้องเป็นฆราวาส 13 คน พระครูในต่างจังหวัด 2 รูป ซึ่งตนได้แจ้งให้ผอ.พศ.ดำเนินการต่อแล้ว ส่วนข้าราชการพศ. ทั้งนายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. และข้าราชการระดับผู้อำนวยการสำนัก 3-4 คน ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน ถ้าทำงานต่อไปไม่ได้ก็ต้องพักงาน ที่เหลือเป็นระดับเจ้าหน้าที่

นายออมสิน กล่าวอีกว่า ทุกอย่างมีระเบียบขั้นตอนทางราชการอยู่แล้ว ยืนยันว่าคดีความต่าง ๆ เราดำการต่อ ไม่หยุดทำอะไรทั้งนั้น การดำเนินการในส่วนของตัวบุคคลนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ เรามีหน้าที่ให้ข้อมูลในส่วนที่เขาต้องการ วันนี้เราดำเนินการในส่วนของตัวบุคคลของเรา ถ้าเชื่อมโยงไปถึงพระก็ต้องดำเนินการต่อ เพราะถ้าไปสืบที่พระก่อนแล้วมาดำเนินการกับคนในพศ.จะดำเนินการลำบาก และจากข้อมูลเป็นเรื่องที่คนของเราไปเสนอกับพระ

“ตามหนังสือ 30 เรื่องที่สตง.ส่งมานั้นมีทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ คิดเป็นเงินประมาณ 300 ล้าน แต่เรื่องที่เกิดกินระยะเวลาหลายปี ตั้งแต่สมันนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ดำรงตำแหน่งผอ.พศ. เรื่อยมาถึงนายพนม ซึ่งพฤติกรรมเหมือนคือไปบอกพระว่าจะให้เงินปฏิสังขรณ์วัดแล้วขอเป็นเงินทอน ให้ไปสองล้านขอคืนล้านสาม วัดในต่างจังหวัดที่มีพระรูปเดียวท่านคงไม่รู้ระเบียบราชการและเมื่อเป็นข้าราชการพศ. พระก็เชื่อที่พูดแบบนี้ไม่ได้ปกป้องพระ แต่อ่านตามนั้น ส่วนเรื่องเงินทอนวัดมีมาตั้งแต่สมัยไหนนั้น ผมไม่รู้ และที่ตรวจสอบได้ครั้งนี้เขาดูจากการโอนเงินคืนเข้าบัญชีเพราะอาจชะล่าใจรวมถึงไปขอคืนเป็นเงินสดแต่มีพยานบุคคลเห็น” นายออมสิน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน