“ศรีสุวรรณ จรรยา” จ่อร้อง ป.ป.ช. สอบ อดีตหัวหน้าพรรคการเมือง เจ้าของร่วมเรือยอชต์ Silvretta ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน จริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เรือยอชต์ที่ชื่อ Silvretta เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชึ่งจอดลอยลำอยู่ที่ท่าจอดเรืออ่าวปอแกรนด์ มารีน่า ต.อ่าวปอ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

ซึ่งสื่อมวลชนได้รายงานว่าเจ้าของเรือสำราญดังกล่าวมีรายชื่อเป็นเจ้าของร่วมอยู่ 4 คน 2 คนเป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย เพราะเป็นของนักการเมืองและเศรษฐีชื่อดัง อักษรย่อ “ธ” อดีตหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปแล้ว นอกจากนี้ยังรายงานด้วยว่าเรือนี้จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุก ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเขตปลอดภาษี และเป็นเกาะที่ดังเรื่องการฟอกเงินด้วย

กรณีดังกล่าวเป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่า นักการเมืองดังคนดังกล่าวไปจดทะเบียนเรือหรูดังกล่าวในหมู่เกาะดังกล่าวเพื่อหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ และทำไมจึงย้อนแย้งต่อสิ่งที่นักการเมืองคนดังกล่าวพยายามพูดกล่อมสาวกและสังคมไทยมาโดยตลอดว่าจะนักการเมืองจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่กลับตนเองกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามได้หรืออย่างไร

นอกจากนั้น เมื่อตรวจสอบไปยังบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่นักการเมืองรายดังกล่าวได้ยื่นไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. รวมคู่สมรสนั้นพบว่า นักการเมืองคนดังกล่าวได้ระบุชัดเจนว่า มีเรือยอร์ชอยู่ด้วย แต่มีข้อผิดสังเกตที่ช่องทะเบียน และจังหวัด ไม่มีการระบุอะไรไว้ทั้งสิ้น จะมีก็แต่เพียงวันที่ซื้อมา และแจ้งราคาไว้เพียง 10 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่ปรากฏแต่อย่างใด

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในวันจันทร์ที่ 28 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนนักการเมืองคนดังกล่าวเพิ่มเติมว่ามีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองซึ่งควรต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ

และมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตาม พรป.ว่าด้วย ป.ป.ช. 2561 ม.28(3) ประกอบ ม.102 ม.111 วรรคสอง ม.114 หรือไม่ หากวินิจฉัยว่าเข้าข่ายให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เพื่อวินิจฉัยเอาผิดตาม ม.167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน