รองอธิบดีคุกแจงปมแกนนำราษฎร เทียบ‘หมอหยอง’ไม่ได้ เหตุไม่ได้อยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงก่อนเกิดเหตุ หลังส.ส.ก้าวไกล ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบ

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 16 มี.ค.64 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.ก้าวไกล เดินทางมายังกรมราชทัณฑ์ ต.สวนใหญ่ อ.เมืองจ.นนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและบุคคลเข้าออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากทนายความของนายอานนท์ นำภา นำจดหมายที่นายอานนท์เขียนถึงเหตุการณ์ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาว่าถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำพยายามนำตัวไปแยกคุมขังในยามวิกาล จนเกรงว่าจะได้รับอันตรายแก่ชีวิต

โดยบรรยากาศที่หน้ากรมราชทัณฑ์ มีการปิดประตูทางเข้าออกและมีกำลังเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และกำลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ตึงกำลังอยู่หน้าประตูทางเข้าออกภายในกรมราชทัณฑ์ โดยมีนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง พร้อมกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 50 คน รวมตัวกันหน้ากรมราชทัณฑ์ เพื่อเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมนำโบว์สีดำและกระดาษถ่ายเอกสารจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของนายอานนท์ นำภา มาติดบริเวณประตูทางเข้ากรมราชทัณฑ์

ต่อมานางอมรัตน์ เข้ายื่นหนังสือ โดยมีนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าว

นางอมรัตน์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รู้สึกถึงความไม่ปกติกับแกนนำคณะราษฎรที่ถูกคุมขัง จึงรีบเดินทางมาติดตามข้อเท็จจริงกับกรมราชทัณฑ์ในเรื่องของการตรวจโควิดในตอนกลางคืน รวมถึงเรื่องการพกอาวุธกระบองและการสวมใส่ชุดของผู้คุมที่ไม่ติดป้ายชื่อ จนทำให้แกนนำคณะราษฎรเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายจนถึงชีวิต

นายวีระกิตติ์ กล่าวว่า การตรวจโควิดกลางดึกภายในเรือนจำเป็นเรื่องปกติ เพราะมีความจำเป็น ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้เคยถูกคุมตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่เป็นประเด็น และในการตรวจโควิดในคืนนั้น ไม่ได้มีแต่แกนนำกลุ่มนี้เท่านั้น ยังมีบุคคลนอกร่วมอยู่ด้วย ทางเรือนจำเชิญแพทย์ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิงไปตรวจด้วยความรวดเร็ว ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เนื่องจากทางเรือนจำเกรงว่าจะเกิดความเสี่ยงกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ในเรือนจำ หากไม่ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดจากบุคคลภายนอกที่ต้องรับตัวเข้ามาใหม่

นายวีระกิตติ์ กล่าวว่า เรือนจำได้เจรจากับกลุ่มแกนนำตั้งแต่เที่ยงคืน แต่พวกเขาปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือและไม่ยอมออกมาตรวจ ทางเรือนจำไม่ต้องการเผชิญหน้า เมื่อกลุ่มแกนนำไม่ตรวจก็ต้องย้ายคนที่ให้ความร่วมมือออกไปจากกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจเท่านั้น ส่วนเรื่องการพกกระบองของเจ้าหน้าที่เรือนจำนั้น เป็นเรื่องปกติที่อนุญาตให้ผู้คุมพกไม้กระบองเป็นอาวุธประจำตัว เพราะไม่สามารถพกอาวุธชนิดอื่นได้ นอกจากนี้เรื่องการติดป้ายชื่อนั้น อยู่ที่วาระและโอกาสว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างไร

“กรณีนี้เปรียบเทียบกับกรณีของหมอหยองไม่ได้ เพราะหมอหยองไม่ได้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ”นายวีระกิตติ์กล่าว

ต่อมาหลังจากนางอมรัตน์ยื่นหนังสือแล้ว รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้พูดคุยในประเด็นต่างๆ จากนั้นนางอมรัตน์ได้เดินออกจากกรมราชทัณฑ์มาให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ถือว่าตนกับส.ส.ที่เดินทางมาในวันนี้ ได้ทำหน้าที่ส.ส.อย่างเต็มที่แล้ว โดยเดินทางมาติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ และจะมีแถลงการณ์ของกรมราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงให้ความกระจ่างต่อไป ทั้งในเรื่องการตรวจโควิดภายในเรือนจำตอนกลางคืน ที่กรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าเคยตรวจในลักษณะแบบนี้มาแล้วตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งตนและส.ส.ก้าวไกล จะติดตามความคืบหน้าการควบคุมแกนนำคณะราษฎรต่อไปและจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหายไป ซึ่งจะรอดูแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน