รัฐสภาฉลุย! กฎหมายประชามติ เสียงโหวตท่วมท้น หลังสมาชิก ท้วงบทลงโทษ มุ่งเล่นงาน จนท.ระดับล่าง ห่วงเปิดช่อง ใช้กฎหมาย ปิดปากประชาชน

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ วาระ 2 ที่ค้างจากสมัยประชุมรัฐสภาครั้งที่แล้ว

ก่อนเข้าสู่วาระประชุม นายชวน ขอความร่วมมือสมาชิกให้เว้นระยะห่างเท่าที่ทำได้ ใครที่ยังไม่อภิปรายให้อยู่นอกห้องประชุม และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอย่างเคร่งครัด ตามมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข

จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมพิจารณาเรื่องด่วนพิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยว อาเซียน ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ชี้แจง ใช้เวลาอภิปรายประมาณ 2 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงให้ความเห็นชอบพิธีสารดังกล่าว ด้วยคะแนน 600 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 4

จากนั้นเวลา 11.45 น. เข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ เริ่มพิจารณาจากการลงมติมาตรา 53 และ 54 เรื่องการคัดค้านการออกเสียงประชามติ ที่ค้างมาจากการประชุมสมัยที่แล้ว ซึ่งที่ประชุมลงมติ เห็นชอบ

ต่อมาเข้าสู่การพิจารณามาตรา 55 เรื่องบทกำหนดโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.นี้ ที่ใช้อำนาจมิชอบในการออกเสียงประชามติ มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

โดย ส.ส.หลายคน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทักท้วงว่า เป็นการมุ่งลงโทษเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่เป็นฝ่ายปฏิบัติ แต่ไม่มีบทลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐในระดับสูงที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบให้การออกเสียงประชามติไม่เป็นกลาง จึงควรขยายขอบเขตบทลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐให้ครอบคลุมถึงส.ส. ส.ว.และผู้บริหารท้องถิ่นด้วย อย่างไรก็ตามที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 55 ด้วยคะแนน 374 ต่อ 124 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน10

กระทั่งต่อมาในมาตรา 60 เรื่องการกระทำใดที่เป็นความผิดในการออกเสียงประชามติ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายขอให้ตัดข้อความ “เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะออกเสียงประชามติอันเป็นเท็จ” ตามที่กรรมาธิการฯ เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเขียนไว้กว้างเกินไป สามารถตีความได้หมด

เกรงจะเป็นการใช้กฎหมายมาปิดปากประชาชน ทำให้การรณรงค์ประชามติถูกปิดกั้น มีการให้ข้อมูลประชาชนแค่ฝ่ายเดียว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มข้อความดังกล่าว เพราะสามารถใช้การเอาผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 60 ด้วยคะแนน 479 ต่อ 35 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน 6

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมช่วงบ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น สมาชิกรัฐสภาทั้งส.ส.และส.ว. อภิปรายแสดงความคิดเห็นในมาตราต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยไม่มีการตีรวนใดๆ ทำให้การประชุมพิจารณาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

กระทั่งเวลา 15.00 น. สมาชิกอภิปรายครบทั้ง 67 มาตรา ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ วาระสาม ด้วยคะแนน 611 ต่อ 4 งดดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 รอการบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยใช้เวลาอภิปรายทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 15 นาที

ทั้งนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้สั่งพักการประชุม 30 นาที เพื่อให้สมาชิกรับประทานอาหาร ก่อนจะกลับมาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ยาเสพติด ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน