“จุลพันธ์” ยัน รัฐบาล ไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. แจก ดิจิทัลวอลเล็ต มั่นใจไม่ทำขาดสภาพคล่อง แจงพัฒนา “ซูเปอร์แอพฯ” ใช้งบประมาณไม่เยอะไม่ถึงพันล้าน

เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 23 เม.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวกรณีสหภาพธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เข้าพบที่กระทรวงการคลังเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) เพื่อขอให้ชี้แจงกรณีที่จะนำเงินของธ.ก.ส.ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เมื่อวานได้นั่งพูดคุยกันและชี้แจงเรียบร้อยดี และเข้าใจตรงกัน ยืนยันว่าไม่มีปัญหา

พวกเขาต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โดยทางคณะกรรมการฯ และกระทรวงการคลังก็ได้ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องการความมั่นใจว่ามีขั้นตอนทางกฎหมายอะไรที่รัฐบาลต้องทำ เช่น ส่งให้ทางสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ

เมื่อถามว่าได้กำหนดระยะเวลาให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน แต่อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่มีความกังวล เพราะรัฐบาลมั่นใจว่าทุกอย่างทำตามกรอบกฎหมายชัดเจน

นายจุลพันธ์ กล่าวถึง 5 ข้อสงสัยของสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. ว่า สามารถชี้แจงได้หมด รวมถึงแหล่งที่มาของเงิน ส่วนเรื่องสภาพคล่องไม่น่าเป็นห่วง เพราะธ.ก.ส.สามารถบริหารจัดการได้โดยกลไกปกติผ่านการบริหารจัดการของธนาคาร

ส่วนการชำระเงินคืนก็เป็นไปตามกลไกของงบประมาณ ที่รัฐบาลจะต้องมีกลไกในการชำระคืน ตามมาตรา 28 ให้กับธ.ก.ส.ในแต่ละปี ยืนยันว่าส่วนตัวไม่กลัวว่าจะเกิดแรงกระเพื่อม เพราะเมื่อวานได้พูดคุยกันเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี และเข้าใจตรงกัน

เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลเป็นหนี้ธ.ก.ส.อยู่ประมาณเท่าไหร่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท ยืนยันว่าครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกู้เงินธ.ก.ส. มาทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นการใช้กลไกผ่านงบประมาณ และมาตรการการเงินการคลัง เพราะรัฐบาลกู้เงินธ.ก.ส.ไม่ได้








Advertisement

ทั้งนี้ ตนยืนยันไปทางสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. ไปใน 3 ประเด็น คือ กลไกทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฎหมาย และเสถียรภาพของ ธ.ก.ส. จะต้องแข็งแกร่งพอ รัฐบาลจะมีนโยบายที่จะเพิ่มในเรื่องความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. และที่สำคัญรัฐบาลถือหุ้น 100% ไม่มีทางที่รัฐบาลจะปล่อยให้กลไกนี้สั่นไหว

ขณะที่ปีนี้เป็นปีสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการตามมาตรา 28 ซึ่งทุกรัฐบาลก็ทำกันมาตลอด เพราะเป็นกลไกที่จะเอื้อมมือไปหาเกษตรโดยไม่ขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และสุดท้ายจะต้องไม่กระทบต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพของพนักงาน ธ.ก.ส.

เมื่อถามว่าเกษตรกรสงสัยทำไมถึงไม่ให้ใช้เงินในโครงการไปชำระหนี้เลย นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ใช้ชำระหนี้ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่รัฐบาลยืนยันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากนำเงินไปใช้หนี้คืนให้กับธ.ก.ส. ก็หมายความว่าเงินดังกล่าวจะกลับเข้ารัฐ ไม่เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงระบบบล็อกเชนจะเข้ากับแอปพลิเคชั่นของรัฐได้อย่างไร เพราะไม่ได้เอื้อต่อธุรกรรมทางการเงิน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กำลังพัฒนาและดำเนินการอยู่ ส่วนเรื่องแอปฯ “ทางรัฐ” ได้มีการพูดคุยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่คาดหวังว่า จะสามารถอัปเกรดเป็นซูเปอร์แอปฯ

โดยเป็นเรื่องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จะเป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการดำเนินการพัฒนาระบบ เพื่อให้เชื่อมโยงความเป็นรัฐทั้งหมดเข้ามาอยู่ในแอปฯ เดียวกัน เพื่อไปเป็นจุดเชื่อมในอนาคต เช่น ลูกค้าของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นธนาคารของอะไรจะสามารถมาเชื่อมกับระบบของรัฐ และสามารถเข้าสู่ระบบดิจิทัลวอลเล็ตได้

“ยืนยันว่าการไปพัฒนาเรื่องนี้ ใช้งบประมาณไม่เยอะ ไม่ถึงพันล้านบาท และจะสามารถใช้ทันในไตรมาสที่ 4 ส่วนแอปเป๋าตัง ก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่รัฐบาลกำลังดูอยู่” นายจุลพันธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน