เอซุส เซ็นโฟน 6 ล้ำถึงขั้นแย่งซีนเรือธง

เอซุส เซ็นโฟน 6 – เซ็นโฟน 6 (Zenfone 6) จากค่ายเอซุส ผู้พัฒนาเทคโนโลยี ชื่อดังจากไต้หวัน สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงสมาร์ตโฟน ปีนี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อผู้คนกล่าวขวัญกันว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่มีกล้องเซลฟี่ดีที่สุดของชั่วโมงนี้

เอซุส เซ็นโฟน 6

เอซุส เซ็นโฟน 6

ปุ่มเรียงด้านขวาทั้งหมด

จากการใช้กล้องหลังที่มีกลไกพับขึ้นพับลงได้ ส่งผลให้ เซ็นโฟน 6 มีหน้าจอแสดงผลเต็มจออย่างสมบูรณ์ขณะที่ตลาดการแข่งขันมุ่งหาวิธีการสร้างหน้าจอเต็มโดยยังสงวนกล้องเซลฟี่ไว้อย่างดุเดือดของแต่ละค่าย

รูปแบบของเอซุสเป็นอีกแบบที่แหวกแนวกว่าค่ายอื่น สร้างความโดดเด่นให้เรือธงของเอซุสที่ยังคงเอกลักษณ์ความล้ำที่ฮาร์ดแวร์ในราคาสบายกระเป๋ากว่าเรือธงของค่ายยักษ์ใหญ่หลายค่าย

แอนดรอยด์อูธอริตี เว็บไซต์รีวิวชื่อดัง ระบุว่า เอซุส เซ็นโฟน 6 เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าของค่ายผู้นำตลาดอย่างแอปเปิ้ลและซัมซุง โดยเป็นตระกูลที่แตกต่างไปจากอาร์โอจีโฟน (ROG phone) ซึ่งมีหน้าโฉบเฉี่ยวและมุ่งเน้นไปที่ตลาดนักเล่นเกม หรือเกมเมอร์

เอซุส เซ็นโฟน 6

อุปกรณ์ในกล่อง

เอซุส เซ็นโฟน 6

จอภาพแอลซีดี

เซ็นโฟน 6 มุ่งเน้นไปที่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป ภายใต้รูปลักษณ์หรูหราพรีเมียม ฟีเจอร์เด่นๆ ของเซ็นโฟน 6 นอกไปจากกล้องถ่ายภาพความละเอียด 48 ล้านพิกเซลที่พับขึ้นลงได้

ยังมีสเป๊กที่แรงด้วยเพราะใช้ชิพประมวลผล (SoC) รุ่น Qualcomm Snapdragon 855 ทั้งยังสนับสนุน micro-SD card พร้อมปุ่ม quick action ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดได้เอง และสนนราคาที่ราว 20,000 บาท ถือว่าเป็นการนำเรือธงมาขายในราคาเดียวกับสมาร์ตโฟนระดับกลาง ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเซ็นโฟน 6

เมื่อเปิดกล่องผู้ใช้จะพบกับสมาร์ตโฟน เซ็นโฟน 6 และอุปกรณ์ที่แถมมา ได้แก่ ชาร์จเจอร์ขนาด 18 วัตต์ (W) สายเคเบิล USB-A to USB-C เคสใสป้องกันรอยขีดข่วน

เอซุส เซ็นโฟน 6

สีแดงหนัก

เอซุส เซ็นโฟน 6

ภาพโบเก้

หูฟังมีสายปรับแต่งเสียงโดย 1MORE ค่ายหูฟังที่ก่อกำเนิดจากการร่วมธุรกิจระหว่างค่ายเสี่ยวหมี่ และผู้บริหาร 3 คนของฟ็อกซ์คอนน์ในประเทศจีน เป็นที่โจษจันในแวดวงหูฟังขณะนี้

เนื่องมาจากประกาศท้าชนกับค่าย Beats ของแอปเปิ้ล มียอดขายกว่า 10 ล้านชุดในปีแรก (2557) และเพิ่มเป็น 24 ล้านชุดในปีถัดมา (2558)

อย่างไรก็ดี หูฟังที่แถมมาให้นั้นมีคุณภาพเสียงปานกลาง ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงควรไปลงทุนซื้อหูฟังที่มีราคาสูงกว่านี้มาใช้จะดีกว่า แต่หากเป็นผู้ที่ฟังสบายๆ ไม่ได้จับจดกับคุณภาพเสียงมากนักก็ถือว่าโอเคแล้ว

เซ็นโฟน 6 มีน้ำหนัก 190 กรัม ขนาดกว้าง 75.44 ยาว 159.1 และหนา 9.1 มิลลิเมตร หน้าจอเต็มไร้ขอบไม่มีติ่ง (notch) หรือรูเจาะมาแบบบางค่าย เพราะกล้องถ่ายภาพนั้นอยู่ด้านหลังหากจะใช้งานจะกระดกพับขึ้นมาเป็นกล้อง เซลฟี่ เรียกว่าฟลิปอัพ คาเมร่า” (Flip-up cam)

เอซุส เซ็นโฟน 6

ภาพแสงน้อย

เอซุส เซ็นโฟน 6

ภาพที่มืด

พร้อมปุ่มควิกแอ๊กชั่นที่ผู้ใช้ปรับได้เองว่าจะให้ทำหน้าที่ใดอยู่ที่ด้านขวาของเครื่องทั้งหมดพร้อมกับปุ่มเพาเวอร์และปรับระดับเสียง

มีช่องเสียบหูฟังแบบมินิแจ๊กขนาด 3.5 .. และเซ็นเซอร์ลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังเครื่อง พร้อมโลโก้เอซุสสวยงาม ดูเรืองแสงคล้ายเป็นอักษรดิจิตอลอยู่หลังเครื่อง บนวัสดุอะลูมิเนียม ชั้นดีปูทับด้วยกระจกกอริลลากลาสขอบโลหะ ทำให้ดูหรูหราผสมล้ำยุค แต่ไม่สนับสนุนการชาร์จไฟแบบไร้สาย (wireless-charging) ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB-C

อย่างไรก็ตาม เซ็นโฟน 6 ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะ สมาร์ตโฟนที่มีกลไกการทำงานแบบเครื่องกลนั้นทำให้กันน้ำกันฝุ่นได้ยากมาก

ข้อเสียเปรียบที่สุดของเซ็นโฟน 6 อยู่ที่จอแสดงผล IPS LCD ขนาด 6.4 นิ้ว เรโซลูชั่น 2,340 x 1,080 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 403 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) บนอัตราส่วนภาพ 19.5 ต่อ 9 และสัดส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องร้อยละ 83.8 ใช้วัสดุกอริลลา กลาส 6 รุ่นใหม่ล่าสุด

แอนดรอยด์อูธอริตีมองว่า จอภาพของสมาร์ตโฟนระดับเรือธงส่วนใหญ่มักใช้เทคโนโลยี OLED เพราะมีความจัดจ้าน ของสีสูง คอนทราสต์สูง และสีดำลึกสมบูรณ์แบบ ทั้งยังประหยัดแบตเตอรี่ เพราะใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์อย่าง always-on display ได้ ตรงกันข้ามกับ LCD ที่แบ๊กไลต์ด้านหลังจอภาพต้องติดอยู่ตลอดเวลาทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่า

อีกประเด็นหนึ่ง คือ ความสว่างของจอภาพในเซ็นโฟน 6 มีความสว่างสูงสุดเพียง 600 นิต ผลทดสอบพบว่ามองเห็นได้ยากในที่แสงจ้านอกอาคาร ทำให้ต้องปรับความสว่างสูงสุดตลอดเวลา แต่มีดีที่เรื่องสี เพราะมี DCP-I3 ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์

สนับสนุน HDRให้สีแท้ได้สมบูรณ์ ตอกย้ำด้วยดีไซน์จอเต็มไร้ขอบ ไม่มีติ่ง ไม่มีรู ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เซ็นโฟน 6 แม้จะมีขอบล่างที่ค่อนข้างหน้า แต่ก็ยังหนาไม่เท่ากับสมาร์ตโฟนอย่าง Pixel 3 ของกูเกิ้ล

เรือธงใหม่รุ่นนี้ของเอซุสใช้ขุมพลังจาก SoC รุ่น Qualcomm Snapdragon 855 ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) แบบ 8 หัว (Octa-core) มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาคอร์หลัก (1 คอร์) 2.84 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) คอร์รอง (3 คอร์) 2.41 GHz และที่เหลืออีก 4 คอร์ที่ความเร็ว 1.78 GHz

หน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียู รุ่น Adreno 640 หน่วยความจำแรม (RAM) 8 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM)สูงสุด 256 GB สนับสนุนการ์ดเก็บข้อมูลเสริมสูงสุด 1 เทราไบต์ (TB)

การทดสอบประสิทธิภาพ พบว่าสามารถรองรับการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมที่ใช้กราฟิกสูงได้อย่างครอบคลุม

อย่างไรก็ดี หากใช้งานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องเกิดความร้อนสูง แม้ไม่ถึงกับร้อนลวกมือ แต่จะทำให้ระบบป้องกันความร้อนของเอซุสทำงาน ซึ่งจะไม่อนุญาตให้ชาร์จไฟขณะเครื่องร้อนจัดเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้อีกระดับหนึ่งด้วยการเปิดระบบ AI Boost Mode แต่มีข้อเสียตรงที่ทำให้แบตฯ หมดเร็วขึ้น โดยเบนช์มาร์กผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 4 มีคะแนนเฉลี่ยทั้งคอร์เดียวและหลายคอร์เกือบเท่ากับเครื่องกาแล็กซี เอส 10 พลัส จากค่ายซัมซุง

มาดูด้านแบตเตอรี่กันบ้าง เซ็นโฟน 6 มาพร้อมกับแบตฯ ขนาดใหญ่ถึง 5,000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) และสนับสนุนระบบชาร์จเร็วแบบ Qualcomm Quick charge 4.0

เอซุส เซ็นโฟน 6

เบนช์มาร์ก

แต่น่าเสียดายที่ระยะเวลาการใช้งานนั้นอยู่ในระดับปานกลาง โดยการทดสอบเปิดจอภาพค้างไว้อยู่ได้ราว 6 ชั่วโมงครึ่ง ถือว่าน้อยกว่าเรือธงอย่างกาแล็กซี เอส 10 พลัส ของซัมซุง และ พี 30 โปร ของหัวเว่ย

แอนดรอยด์อูธอริตีระบุว่า ข้อเสียเปรียบอีกข้อที่พบเป็นปัญหาการใช้พลังงานสูงขณะปิดหน้าจอ หรือสแตนด์บาย

ระหว่างการทดลองใช้งานคืนหนึ่งเครื่องมีแบตฯ เหลือราวร้อยละ 26 และผู้ทดสอบเข้านอนทั้งที่ไม่ได้ชาร์จเครื่อง เมื่อตื่นมาตอนเช้ากลับพบว่าเครื่องดับไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่มักไม่มีอัตราการใช้พลังงานสูงขนาดนี้ ขณะที่ระบบการชาร์จเร็วนั้นยังไม่เร็วเท่าที่ควร เนื่องมาจากขนาดที่ใหญ่ยักษ์ของแบตฯ

ไฮไลต์เซ็นโฟน 6

มาถึงไฮไลต์ของเซ็นโฟน 6 นั่นคือ ฟลิปอัพ คาเมร่า ความละเอียดเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล (MP) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 และเลนส์กว้างความละเอียด 13 MP ซึ่งไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น เพราะสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ในปีนี้ต่างใช้สเป๊กแบบเดียวกันนี้ แต่สิ่งที่ทำให้หลายฝ่ายฮือฮาหันมามองเซ็นโฟน 6 กันทั้งงานเป็นกล้องเซลฟี่ที่ทางเอซุสออกแบบมาให้ใช้กล้องหลังแทน

เอซุส เซ็นโฟน 6

กล้องพลิกไปด้านหน้า

เอซุส เซ็นโฟน 6

ฟลิป-อัพ คาเมร่า

เอซุส เซ็นโฟน 6

กล้องหลังและเซ็นเซอร์

เท้าความเล็กน้อยว่า ก่อนที่เซ็นโฟน 6 จะเปิดตัวนั้นบรรดาค่ายสมาร์ตโฟนต่างกำลังแข่งขันกันสร้างสมาร์ตโฟนจอเต็ม แต่ติดปัญหาที่กล้องเซลฟี่ โดยบางค่ายทำเป็นติ่งหยดน้ำลงมาจากขอบด้านบน จนถูกเรียกล้อเลียนว่าติ่งบ้าง บางค่ายเจาะรูไว้ในจอภาพทำให้บางคนรู้สึกรำคาญบ้าง บางค่ายทำจอเต็มได้และนำกล้องไปไว้ในเครื่อง หากเรียกใช้งานจึงจะโผล่ขึ้นมาบ้าง

สำหรับเอซุสสร้างแหวกแนวไปกว่านั้นอีก ด้วยการออกแบบมาให้กล้องหลังพับขึ้นมาได้ และพลิกขึ้นมาที่ด้านหน้ากลายเป็นกล้องเซลฟี่ เพื่อใช้ประโยชน์จากความละเอียดสูงของกล้องหลังและเลนส์อัลตราวาย

นายเดวิด อิเมล ผู้ทดสอบ ระบุว่า คุณภาพของกล้องเซ็นโฟน 6 นั้นสูงและสวยงามมาก โดยภาพมีความสมดุลทั้งมิติและสีสัน ความคมชัดสูง ลักษณะภาพมีความเหมือนจริงสูงมาก

อย่างไรก็ดี พบว่าสีที่ออกมานั้นค่อนข้างมีปัญหากับสีแดง เพราะมีความเข้มข้นกว่าสีอื่น แต่คาดว่าทางเอซุสจะออกเฟิร์มแวร์มาแก้ไข ขณะที่ภาพในที่มืดนั้นค่อนข้างมีรายละเอียดดี และไม่ค่อยมีอาร์ติแฟ็กต์

สรุปว่า เซ็นโฟน 6 เป็นเรือธงที่โดดเด่นอย่างมาก เพราะมีราคาอยู่ในช่วง สมาร์ตโฟนระดับกลาง (ประมาณ 2 หมื่นบาท) แต่มีฟีเจอร์จำนวนมากที่จะมีเฉพาะในระดับเรือธงเท่านั้น แม้จะมีข้อเสียเปรียบที่หน้าจอ LCD และความสว่างน้อย แต่ชดเชยประสิทธิภาพสูงที่รองรับการใช้งานทุกประเภทครบครัน ถือเป็นเรือธงที่คุ้มเงินที่สุดในตลาดตอนนี้

จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน