บ้านพักตุลาการ ยังไม่มีคนอยู่ ที่เห็นมีแสงสี แค่ทดสอบระบบไฟ

วันที่ 13 มิ.ย. จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่าย บริเวณการก่อสร้าง บ้านพักตุลาการ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ ใน จ.เชียงใหม่ ช่วงเวลากลางคืนที่เปิดไฟสว่าง และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าน่าจะมีบุคคลเข้าไปอยู่ในบ้านพักดังกล่าว ก่อนหน้านี้ “เครือข่ายขอพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เคยเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รื้อถอนการก่อสร้างและฟื้นฟูสภาพป่าในการก่อสร้าง ที่เรียกว่าบ้านป่าแหว่งนั้น

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง รายงานข่าวแจ้งว่า ภาพที่เห็นมีการเปิดไฟสว่าง ในพื้นที่บ้านพักตุลาการ ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจนั้น เป็นเรื่องของการทดสอบระบบไฟที่ก่อสร้างบ้านพักตามสัญญาจ้างของผู้รับเหมาก่อสร้าง จึงไม่ใช่กรณีที่จะมีผู้พิพากษาสามารถเข้าไปพักอาศัยแต่อย่างใด ซึ่งการก่อสร้างที่พักอาศัยตามสัญญานั้นยังไม่แล้วเสร็จ โดยสัญญาก่อสร้างเดิมกำหนดให้เสร็จสิ้นและให้พร้อมส่งมอบเมื่อครบสัญญาในวันที่ 18 มิ.ย. นี้

ขณะที่การก่อสร้างดังกล่าวซึ่งเป็นเฟสสัญญาสุดท้าย เอกชนก็ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามสัญญาการก่อสร้างที่ทำไว้ ซึ่งจะต้องมีการทดสอบระบบต่างๆ ให้ครบถ้วน เนื่องจากหากดำเนินไม่ครบถ้วนให้แล้วเสร็จก็จะเป็นการกระทำผิดสัญญา ซึ่งการก่อสร้างนั้นยังไม่ได้มีการแจ้งให้ยุติการดำเนินการใดๆ หรือคำสั่งรื้อถอนใด

 

บ้านพักตุลาการ

โพสต์ถามทำไมบ้านพักเปิดไฟ

โดยที่ผ่านมา หลังจากการประชุมในเวทีสาธารณะเพื่อร่วมกันหาทางออก เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งกองบัญชาการควบคุมกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงใหม่ ได้มีหนังสือเชิญ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค5 เข้าร่วมประชุมเวทีสาธารณะ ระหว่างฝ่ายทหาร และผู้แทนเครือข่ายภาคีภาคประชาชนเสนอให้รื้อถอนบ้านพักดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นไม่ได้มีผู้แทนศาลยุติธรรมร่วมด้วย

เนื่องจากเวลานั้นมีการประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ( ก.บ.ศ.) เพื่อพิจารณาเรื่องนี้และเสนอความเห็นในส่วนของศาลยุติธรรม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบ กระทั่งเดือน พฤษภาคม 61 นายกฯ

มีคำสั่งให้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดคุยหาทางออกและดูแลเรื่องนี้แล้วเคยปรากฏเป็นข่าวว่า นายสุวพันธุ์ ได้ลงพื้นที่พร้อมพูดคุยกับภาคีเครือข่ายฯแล้วระบุจะไม่ให้ใครเข้าอยู่ในบ้านพัก โดยจะส่งพื้นที่คืนกรมธนารักษ์ ต่อไปนั้น

ปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีหนังสือออกเป็นทางการจากฝ่ายบริหาร ให้ศาลยุติธรรมที่เป็นคู่สัญญาก่อสร้างกับเอกชนยุติการก่อสร้าง หรือให้รื้อถอนในส่วนใดทั้งสิ้น ขณะที่การก่อสร้างที่ผ่านมา ต้องดำเนินการตามสัญญาจนกว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการกระทำผิดสัญญาการก่อสร้างที่จะมีปัญหาฟ้องเรียกร้องสิทธิทางแพ่งกันในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม ในการก่อสร้างบ้านพักเฟสสุดท้ายนั้น หากเสร็จสิ้นตามสัญญาแล้ว ก็ต้องพร้อมส่งมอบสิ่งปลูกสร้างตามขั้นตอน หลังจากนั้นในส่วนที่ฝ่ายบริหารซึ่งพิจารณาเรื่องนี้ตามคำสั่งนายกฯ จะพิจารณาอย่างไรก็จะเป็นอีกลำดับหนึ่ง

ซึ่งจะต้องแจ้งให้ศาลยุติธรรม โดยสำนักงานศาลยุติธรรม ทราบต่อไป โดยที่ผ่านมาหนังสือทางการส่วนที่ออกมาจากหน่วยงานราชการ คงมีเพียงหนังสือจากกรมธนารักษ์ เจ้าของพื้นที่ ที่เคยแจ้งขอจะเข้ามาตรวจสอบพื้นที่เท่านั้น

บ้านพักตุลาการ

หวั่นบ้านถล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการก่อสร้างบ้านพักตุลาการและอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 นั้น เป็นโครงการที่ริเริ่มในในช่วงเดิมทีศาลสังกัดอยู่กับกระทรวงยุติธรรม กระทั่งเมื่อปี 2543 ศาล ได้แยกจากกระทรวงยุติธรรม มีสำนักงานศาลยุติธรรมดูแลดำเนินการต่อ

ซึ่งการก่อสร้างได้ใช้ที่ดินราชพัสดุ ขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้147 ไร่ แต่ใช้ก่อสร้างจริงๆ เพียง 89 ไร่ โดยการก่อสร้างทำสัญญากับเอกชนรวม 3 สัญญา

ประกอบด้วยสัญญาฉบับแรก เป็นการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อยและได้เข้าใช้อาคารแล้ว

ส่วนสัญญาที่ 2 มูลค่า 321 ล้านบาท และที่ 3 มูลค่า 342 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างอาคารชุดที่พักตุลาการและข้าราชการ ประกอบด้วยบ้านพักผู้พิพากษา 38 หลัง และอาคารชุดของตุลาการ 16 หน่วยกับอาคารชุด 36 หน่วยอีก 1 หลัง

รวมทั้งอาคารชุดของเจ้าหน้าที่ 6 หน่วย และ 36 หน่วยอีก 1 หลัง ซึ่งทั้งหมดอยู่บริเวณที่ติดกัน โดยกำลังดำเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จพร้อมจะส่งมอบเมื่อครบสัญญาในวันที่ 18 มิถุนายน นี้ ซึ่งการดำเนินการในปัจจุบันสัญญาก็ยังเดินต่อไปเพราะมีความผูกพันตามสัญญา

ภาพจาก Aunnie Anndisun คำศรีดา แป้นไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน