ทั้งๆที่ “ดีเอสไอ”และ“ตำรวจ”ยืนยันตรงกันว่า พระเทพญาณมหามุนี ยังอยู่ในประเทศ

แต่ “น้ำเสียง” ก็เริ่มไม่หนักแน่น

อย่างน้อยก็ไม่หนักแน่นเท่ากับความเชื่อมั่นเมื่อเดือนมิถุนายน 2559

หรือกระทั่งความเชื่อมั่นเมื่อเดือนธันวาคม 2559

จึงน่าสงสัยว่า เจ้าหน้าที่”นอกเครื่องแบบ”ที่แฝงตัวอยู่กับบรรดา “กัลยาณมิตร” ภายในวัดพระธรรมกาย นั้นสามารถล้วงลึก ไปได้ลึกมากเพียงใด

อย่างน้อยก็เข้าไปใกล้กับ “5 เสือ”ที่กุมอำนาจอยู่ใน”ธรรมกาย” ได้หรือไม่

การประชุมสรุปผลในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จึงสำคัญ

เป็นความสำคัญหากมองผ่านที่ “เอ๊กซเรย์” พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ของวัดและมูลนิธิธรรมกาย

เป็นการเอ็กซเรย์ผ่าน”การข่าว”

แม้การขอ”หมายค้น“เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 และเมื่อเดือนธันวา

คม 2559 “ดีเอสไอ”จะมากด้วยความมั่นใจ

มั่นใจต่อเป้า ณ ศาลาดาวดึงส์

ไม่เพียงเพราะเจ้าหน้าที่”นอกเครื่องแบบ”ที่แฝงตัวจะยืนยัน หาก “โดรน” น่าจะชี้ให้เห็นเป็นเค้าลาง

แต่ปฏิบัติการตรวจค้น 2 วัน

เพียงวันแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก็เด่นชัดแล้วว่าไม่มีเงาร่าง ยิ่งวันที่ 2 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ยิ่งตอกย้ำ

เพราะเจาะอย่างชนิดที่เรียกว่า “เอ็กซเรย์”

ไม่ว่าเบาะแสที่เคยบ่งชี้ที่”ศาลาดาวดึงส์” ไม่ว่าส่วนขยายภายใน “อาคาร 100 ปี” ล้วนไม่พบ

“ร่องรอย” นั้นมีอยู่ สัมผัสได้จาก”ผ้าคลุมเตียง”

ยิ่งเดินไปตลอด 2 รายทางภายใต้ “อุโมงค์” ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทางหลบหนีอย่างลับๆ

กลับเป็น “ทางตัน”

 

ถามว่าปฏิบัติการนับแต่รุ่งอุษาสางของวันที่ 17 กุมภาพันธ์เป็นต้นมาประสบผลสำเร็จหรือไม่

ตอบได้ว่า “สำเร็จ”

อย่างน้อยก็ถือว่ามีความคืบหน้ายิ่งกว่าที่เคยประสบเมื่อเดือนมิถุนายน และเมื่อเดือนธันวาคม ของปี 2559

เพราะสามารถตรวจได้ทุกจุดในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่

แต่หากถามต่อไปว่า ความสำเร็จนี้เป็นไปตาม “เป้าหมาย”ที่กำหนดเอาไว้ หรือไม่

ตอบได้ว่า “ยัง” เพราะไม่สามารถพบและจับตัว พระเทพญาณมหามุนี นำตัวส่งอัยการเพื่อดำเนินคดีได้

ไม่เพียงแต่”ไม่พบ” หากแต่ยังอยู่ในสภาพ”มึนงง”

มึนงงไม่สามารถตอบได้ว่า พระเทพญาณมหามุนี หายไปได้อย่างไร

นี่เป็นเรื่องของ “การข่าว” ล้วน-ล้วน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน