จากกรณีสองนักศึกษาไทยประสบอุบัติเหตุรถรถยนต์ที่เชื่อว่ามีผู้โดยสารเป็นนักศึกษาไทย 2 คนตกหน้าผาบริเวณถนน Freeway 180 เส้นทางมุ่งหน้าไปยังอุทยาน Kings Canyon National Park มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

 

โดยเพจ SiamTownUS ได้สัมภาษณ์ครอบครัวของสองนักศึกษาที่เดินทางมารอการกู้ซากรถ โดยครอบครัวของทั้งคู่ได้เปิดเผยว่า ทั้งสองคนชอบการท่องเที่ยวลักษณะการผจญภัยมาก ตั้งแต่อยู่ประเทศไทยแล้ว

โดยญาติของน้องมิน ได้เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุ วันที่ 26 ก.ค. ตำรวจทางหลวงได้รับแจ้งอุบัติเหตุ ซึ่งตรงกับวันที่ครอบครัวไม่สามารถติดต่อน้องมินได้ ซึ่งที่ผ่านมามิน จะไลน์คุยตลอดไม่เคยหายไปเลย โดยคาดว่า เหตุเกิดประมาณ 14.00 น. และเจ้าหน้าที่ทางหลวงทราบประมาณเวลา 17.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เสียงตะโกนเรียกจากด้านบน และไม่ได้ยินเสียงใดตอบรับกลับมา หากคิดตามสามัญสำนึก คนที่ตกเหวลึกขนาดนั้น และมีเสียงน้ำไหลดังมาก ก็ไม่น่าจะมีใครได้ยิน และหลังคารถมีรอยบุบ ก็คาดว่า หากไม่เสียชีวิตก็อาจจะหมดสติ ที่เกิดเหตุก็พบว่า มีทางที่พอจะลงไปได้ โดยคิดว่าเป็นทางน้ำที่ไหลจากถนนลงไปที่เหว จากนั้น วันที่ 28 ก.ค. โรงแรมได้แจ้งตำรวจว่า คนหายไป

ญาติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ติดใจคือทำไมไม่มีการให้ความช่วยเหลือตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้เร็วที่สุด หากลงไปได้ก็ควรจะลงไปดูให้รู้เรื่อง หากรีบลงไปให้เร็วที่สุด ก็คิดว่า อาจจะยังพอมีโอกาสช่วยเหลือหากยังมีชีวิตอยู่

 

“เพิ่งได้คุยกับเพื่อนน้องมินเมื่อวาน โดยเพื่อนบอกว่า ฝันว่าหน้ามินเศร้าๆ ได้คุยกัน และมินบอกว่า มินตายแล้ว เกิดอุบัติเหตุรถชนตกเขา เพราะกอล์ฟขับรถมาเร็วสะดุดหินทำให้รถเสียหลักตกลงไปในเหว โดยมีชีวิตอยู่ประมาณ 3 วัน แต่กระดูกหักทำให้ออกจากรถมาไม่ไหว ก่อนจะไปก็บอกว่า หนาว และได้ให้สัมภาษณ์สื่อช่วงเช้าไป หลังจากนั้น เพื่อนมิน ก็มาโทรมาบอกว่า เจ๊มินมา มินบอกว่า ฉันสลบอยู่ในรถ”ญาติน้องมิน กล่าว ทั้งนี้ แผนการกู้รถเบื้องต้นได้ระบุว่า จะมีการกู้รถอีกครั้งวันที่ 9 ส.ค. โดยญาติตัดสินใจว่า จะจ้างนักปีนเขาเอกชน ปีนลงไปดูที่รถให้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน