ดีเอสไอ เปิดพิรุธ ปมน้ำผึ้งป่า คดีอุ้มฆ่าบิลลี่ เผยขัดแย้งกับที่ชัยวัฒน์อ้าง

กรณีสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวก รวม 4 คน ข้อหาร่วมกันฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือโต้แย้งถึงอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา โดยมีประเด็นโต้แย้งสำคัญ 4 ประเด็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ในประเด็นที่ใช้โต้แย้ง คือ จำนวนน้ำผึ้งป่า ซึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า พยานหลายคนให้การตรงกันว่า บิลลี่ขนน้ำผึ้งจำนวน 38 กิโลกรัมเพื่อนำไปส่งข้างล่าง โดยมีผู้สั่งซื้อรอรับอยู่

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

หนังสือดีเอสไอ ระบุว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 พยายามกล่าวอ้างว่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ถูกจับตัวด้วยความผิดจากการแอบลักลอบขนน้ำผึ้ง 8 ขวด ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงปรากฏตามคำให้การของพยานถึง 6 คน ที่ให้การตรงกันว่า นายพอละจี มีน้ำผึ้ง 38 กิโลกรัม โดยแบ่งใส่ถุงพลาสติก 1 ถุง จำนวน 30 กิโลกรัม และแบ่งใส่ขวด 8 ขวด เพื่อลงไปขายข้างล่าง ซึ่งมีผู้สั่งซื้อรอรับอยู่

จุดประสงค์ที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 พยายามชักจูงให้เห็นว่านายพอละจี ถูกจับกุมด้วยการพยายามนำน้ำผึ้งเพียง 8 ขวด ออกจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อทำให้เห็นว่า การกระทำความผิดของนายพอละจี เป็นการกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย ได้ว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ปล่อยตัวและคืนของกลางให้นายพอละจี

ข้อเท็จจริงพบว่า การที่นายชัยวัฒน์ รีบปลีกเวลาจากการต้อนรับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในวันดังกล่าว เป็นเรื่องที่นายชัยวัฒน์ไม่เคยกระทำมาก่อน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานให้การตรงกันว่า ตามปกตินายชัยวัฒน์จะไม่มารับผู้กระทำความผิดที่ด่านด้วยตนเอง และตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านเขามะเร็ว ก็ไม่เคยมีการจับกุมผู้ครอบครองน้ำผึ้งแต่อย่างใด การที่นายชัยวัฒน์รีบขับรถเพื่อมาจับกุมนายพอละจีและพาตัวนายพอละจีขึ้นรถไป จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย

ส่วนมูลเหตุจูงใจที่ เนื่องจากนายชัยวัฒน์ และพวกบุกเข้าเผาทำลายทรัพย์สินและบ้าน ที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บ้านบางกลอยบน นายชัยวัฒน์ย่อมเล็งเห็นแต่ต้นแล้วว่า นายพอละจี เป็นพยานปากสำคัญที่จะดำเนินคดีตนเองกับพวก ถึงขนาดต้องออกจากราชการและต้องรับโทษทางอาญา

เช่นนี้จึงรับฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะรับฟังว่า นายชัยวัฒน์และผู้ต้องหารวม 4 คน ได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายและสังหารนายพอละจี และนำศพของนายพอละจี รวมถึงสิ่งของที่ยึดมาได้จากนายพอละจี ไปเผาและทำลายทิ้ง เพื่อปกปิดความผิดของพวกตนเอง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน