หมอจุฬาฯเผย’โควิด-19′ ระลอกใหม่ เชื้อกระจายง่าย-รุนแรงขึ้น ผู้ป่วยไอซียูจะเพิ่มมากขึ้น แนะป้องกันระดับชุมชน-กระจายวัคซีนช่วยได้
สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ระลอก3 เพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากแถลงยอดผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุดในประเทศไทยเพิ่มอีก 1,390 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 43,742 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เสียชีวิตสะสม 104 ราย (19 เม.ย. 64)
ด้วยจำนวนตัวเลขที่มากขึ้น อาจทำให้หลายๆคนคิดไม่ตกว่าตนเอง “ติดโควิดแล้วหรือยัง ?” วันนี้ทางทีมข่าวสดนำวิธีสังเกตอาการโควิด-19 ระลอกใหม่มาฝากกัน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่าอาการของผู้ป่วยจะมีลักษณะตาแดง เป็นผื่น น้ำมูกหรือมีไข้ จะมีความผันแปรในแต่ละคน ยกตัวอย่างในผู้ป่วย 1 รายที่เราพบ ในวันแรกๆ มีอาการตาแดง มีขี้ตามากแต่ไม่มีไข้ แต่ในบางรายอาการก็อาจจะมาพร้อมกันได้
ทั้งนี้ นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อสังเกตและภาพเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์ใหม่ผ่านเฟซบุ๊ก Opass Putcharoen
ระบุว่า ระลอกนี้เชื้อดุกว่าเดิม จากเคส 200 กว่ารายของระลอกนี้ที่โรงพยาบาล
1. ปกติโดยทั่วไปถ้าเป็นเชื้อระลอกแรก 7 วันไปแล้วเชื้อจะน้อยลงแม้ว่าตรวจ PCR บวกแต่จะเพาะเชื้อไม่ขึ้น แต่เชื้อของระลอกนี้ 10 วันแล้วยังเพาะเชื้อขึ้นอยู่แสดงว่าเชื้ออยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
2. รอบก่อน ๆ ไม่ค่อยเห็นวัยรุ่นที่สุขภาพแข็งแรงเกิดปอดอักเสบ แต่รอบนี้พบมากขึ้นกว่าเดิม
3. หลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ คนที่มีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจะเริ่มมีอาการให้เห็น แต่รอบนี้เร็วกว่าเดิม ไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มมีอาการมากขึ้น การอักเสบเกิดขึ้นเร็ว การให้ยาต้านไวรัสกับยาสเตียรอยด์ต้องพร้อม การวินิจฉัยปอดอักเสบต้องทำได้เร็ว
4. ปริมาณเชื้อในโพรงจมูกและเสมหะมีมากกว่าเดิม เชื้อกระจายได้ง่าย
5. สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เราจะเห็นเคสหนักในไอซียูมากขึ้น
จากที่เห็นก็น่าจะสอดคล้องกับข้อมูลในประเทศอังกฤษ ที่มีสายพันธุ์ B117 ระบาด พบว่าควรมีวิธีเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ได้แก่การป้องกันการแพร่เชื้อในชุมชน ด้วยมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการกระจายวัคซีนที่เป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความรุนแรงของโรค
