ครม. ไฟเขียวมาตรการอุ้มราคาข้าวขาว-ข้าวหอมปทุมตามมติ “นบข.” พร้อมขยายพื้นที่ช่วยเหลือข้าวหอมมะลิจาก 23 จังหวัด เป็นครอบ คลุมทั่วประเทศ เตรียมถกช่วยชาวไร่ข้าวโพดอังคารหน้า “ปู”สั่งซื้อข้าวเพิ่มจากชาวนาอุบลฯ “บิ๊กป้อม”เมินข้อเสนอ สปท. ยันไม่มีแผนปรับเงินเดือนรัฐมนตรี-ส.ส. “บิ๊กตู่” เตรียมเดินสายจี้งานทุกกระทรวง ศาลฎีกาสั่งจำคุกอาจารย์ตุ้ม 1 เดือน ไม่รออาญา กรณีนำนปช.แขวนพวงหรีดหน้าศาลแพ่ง

บิ๊กตู่ลงนามร่างรธน.แล้ว

วันที่ 8 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม. ถึงการนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ว่านายกฯลงนามเรียบ ร้อยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง เพราะยังเหลือเวลาวันที่ 9 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย เชื่อว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบเวลา ไม่มีใครทำให้เปลี่ยน แปลงไปได้ ส่วนเรื่องคำปรารภที่เว้นไว้นั้น กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) จะไปเติม เมื่อทราบรายละเอียดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อโปรดเกล้าฯลงมาแล้วจะส่งร่างกลับมาที่สำนัก เลขาธิการครม. เพื่อประทับตราพระราชลัญจกร

เมื่อถามว่ามีข้อติดขัดเรื่องการออกกฎหมาย บ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่มี มีแต่การเร่งรัดกฎหมายที่เร่งด่วน ก่อนหน้านั้นนายกฯไล่สอบถามกฎหมายที่ยังดำเนินการล่าช้าไปแล้ว 12 ฉบับ ในที่ประชุมครม.ยังสอบถามย้ำซึ่งมีอีก 10 ฉบับ การออกกฎหมายไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเวลา ส่วนที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 คงกฎหมายเก็บภาษี 7 เปอร์เซ็นต์ แทนการออกพระราชกำหนด ก็เพราะกฎหมายบางฉบับรอได้ แต่กฎหมายดังกล่าวบริษัทต่างๆ ต้องแจ้งเสียภาษีทุกวันที่ 15 ของเดือน หากออกกฎหมายไม่ทันบริษัทเหล่านั้นก็ต้องเสียภาษีอัตราใหม่

รอพระบรมราชวินิจฉัย 90 วัน

ทั้งนี้ ขั้นตอนภายหลังจากนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว พระมหากษัตริย์จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยภายใน 90 วัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธาน ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่า “สำหรับการทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ผมลงนามไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำขึ้นกราบบังคมทูลต่อไป และจากนี้เป็นไปตามกรอบเวลาที่มีอยู่ 90 วัน สำหรับผมมีกำหนดครบในวันนี้ 8 พ.ย. ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนและกรอบเวลาที่จะต้องทูลเกล้าฯภายใน 30 วัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพียง 15 นาที ช่วงท้ายขณะกำลังเดินกลับไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวถามว่าสีหน้านายกฯดูเหนื่อย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยิ้มแย้ม อารมณ์ดี ทำงานเพื่อประชาชนจะเหนื่อยได้อย่างไร”

สั่งคลังดูปัญหาหนี้ชาวนา

ส่วนวาระพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในการขายข้าวเปลือกข้าวขาวและข้าวหอมปทุม หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว(นบข.) ออกมาตรการเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่าวันนี้ได้เพิ่มเติม ให้ชัดเจนมากขึ้นโดยทำให้ครบทุกจังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือทั่วถึงท ั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวหอมปทุม ซึ่งเดิมมี 23 จังหวัด ซึ่งได้แจ้งในที่ประชุมนบข.แล้ว มาตรการช่วยเหลือชาวนาทั้งระบบรัฐบาลทำต่อเนื่องแต่ชาวนามีจำนวนมาก หากกลุ่มไหนที่รวมกลุ่มแล้วและกลุ่มไหนที่รัฐเข้าช่วยเหลือได้โดยทันทีก็จะทำให้การแก้ปัญหาเร็วขึ้น ความเดือดร้อนน้อยลง วันนี้ได้สั่งการกระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องหนี้สินชาวนาว่าจะทำอย่างไร ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเสถียรภาพการเงินการคลังด้วย สิ่งที่น่ายินดีคือเกิดความร่วมมือมากโดยเฉพาะในภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่ามีการรับซื้อข้าวขาวเพิ่มเติมมากกว่า 600 ตัน โดยบริษัทต่างๆ ช่วยกัน ถือเป็นความร่วมมือบรรเทาความเดือดร้อนชาวนา หากทำได้อย่างยั่งยืนก็จะดี และต้องสร้างความเข็มแข็งให้สหกรณ์ที่มีกว่า 3 พันแห่ง

เตรียมแก้ราคาข้าวโพดด้วย

นายกฯกล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาราคาข้าวโพดว่า ครม.หารือถึงแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งกำลังหามาตรการที่เหมาะสม สัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้ง เพราะต้องพูดถึงเรื่องโควตาต่างๆ ด้วย ต้องดูให้ครบทุกมาตรการทุกปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ประเด็นสำคัญคือได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน เวลานี้ตนถือเป็นเวลาที่สำคัญ ฝากสื่อช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกับสิ่งที่รัฐบาลพูดและทำอยู่ ตนไม่อยากให้ทุกอย่างถอยหลังไปอีก สื่อต้องชักจูงคนให้เข้าสู่ระบบการรวมกลุ่ม การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชไม่ได้ หมายความว่าจะเลิกไปเลย ตรงไหนที่ปลูกแล้วเสียหายก็อย่าไปปลูก ให้ปลูกอย่างอื่นแทน รัฐบาลจะได้ไปดูแลตลาดให้

นายกฯกล่าวว่าทุกอย่างเริ่มจากปลายทาง แล้วมาดูต้นทางว่าจะผลิตแค่ไหน ผลิตมากเกินไปราคาก็ตก วิธีการคือต้องช่วยให้เขา เข้มแข็งด้วยตนเอง รัฐบาลนี้ต้องการแบบนี้ พระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ทรงพระราชทานว่าต้องให้ไปตกปลา ดีกว่าให้ปลา วันนี้เราให้ปลาตลอดมันก็หมด ไม่แข็งแรง หาปลาไม่เป็น ดังนั้น วันนี้ให้นำมาปรับใช้ โลกเขานำไปใช้แล้วเราไม่ใช้เอง การจะไปชำระหนี้ให้ทั้งหมดเป็นไปได้หรือไม่ มันมหาศาล หนี้ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน หนี้เกษตรกรทั้งหมดทุกประเภท หนี้ครู ข้าราชการ มีหนี้กันทั้งนั้น ถามว่ารัฐบาลมีเงินหรือยัง ก็ต้องดูโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยแลนด์ 4.0 การลงทุนต่างๆ และทั้งหมดจะนำมาสู่ต้นทางคือประชาชน รัฐบาลคิดแบบนี้ มาหมด

ขยายความช่วยเหลือคลุมทั่วปท.

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์แถลงว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/2560 สำหรับชาวนา ผู้ปลูกข้าวเจ้าและข้าวปทุมธานี 1 ตามมตินบข. เช่นเดียวกับการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวหอมมะลิที่ครม.เห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้ขยายพื้นที่โครงการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศจากเดิมกำหนด 23 จังหวัดที่ปลูกข้าวหอมมะลิ

ข้าวเปลือกเจ้าที่ความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์ เซ็นต์และสิ่งเจือปนไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ จะได้รับเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เป็นเงิน 7,000 บาท คิดที่ไม่เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาตลาดขณะนี้ซึ่งอยู่ที่ตันละ 7,800 บาท ขณะที่ข้าวปทุมธานี 1 จะได้รับสินเชื่อ 7,800 บาท คิดจาก 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาตลาดที่ตันละ 8,700 บาท รวมกับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวตันละ 2,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 12,000 บาท และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางตันละ 1,500 บาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วข้าวเปลือกเจ้าจะได้เงินตันละ 10,500 บาท และข้าวปทุมธานี 1 ตันละ 11,300 บาท

นายณัฐพรกล่าวว่า สำหรับวงเงินดำเนินการรวม 18,041 ล้านบาท แยกเป็นวงเงินสินเชื่อ 7,096 ล้านบาท และงบประมาณที่ต้องจ่ายขาด 10,945 ล้านบาท ได้แก่ ค่าเตรียมข้าวขึ้นยุ้งฉางและค่าฝากเก็บ 1,500 ล้านบาท ค่าชดเชยต้นทุนเงิน 331 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการ 78 ล้านบาท และช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 9,034 ล้านบาท

พณ.ลุยจัดตลาดนัดข้าวเปลือก

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์เผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามปัญหาและราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด โดยให้รายงานเข้ามายังกระทรวงทุกวัน เพื่อแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ได้ทันท่วงที เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันได้จัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 59/60 จำนวน 44 จังหวัด รวม 109 ครั้ง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ซึ่งเริ่มจัดตลาดนัดข้าวเปลือกมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ร่วมกับจังหวัดจัดตลาดนัดข้าวเปลือกในพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคใต้ และสามารถขยายเวลาจัดตลาดนัดข้าวเปลือกและเพิ่มจำนวนจังหวัดได้อีก ซึ่งจะพิจารณาจากความพร้อมของแต่ละแห่ง โดยให้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสำรวจและเสนอแผน เพิ่มเติมเข้ามายังกระทรวง

พิจิตรเร่งทำความเข้าใจชาวนา

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงผลตอบรับจากการที่รัฐบาลลงไปช่วยเหลือชาวนาว่า ได้ผลอย่างดี แต่ปัญหาวันนี้ฝนยังไม่หยุดตก ข้าวจะมีความชื้น นโยบายจำนำยุ้งฉางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นแนวทางระยะสั้นน่าจะช่วยเหลือชาวนาได้ ทางโรงสีที่ร่วมมือกับฝ่ายทหารก็ระบุว่าไม่เป็นปัญหาที่จะรับซื้อข้าวในราคาตลาด โดยจะพิจารณาเรื่องคุณภาพ ข้าวด้วย ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปช่วยดูเรื่องคุณภาพ ข้าว ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวต้องปรับ ปรุงทั้งระบบ ทั้งลดต้นทุน ปรับลดพื้นที่เกษตร แปลงใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานความเคลื่อนไหวของชาวนาและกลุ่มโรงสีในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่ายังไม่มี ฝ่ายปกครอง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และทหารลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบความผิดปกติในเรื่องดังกล่าว จึงขอว่าอย่าไปสร้างประเด็นเพราะเวลานี้ควรช่วยเหลือกัน

ที่จ.พิจิตร นายปัญญา ใจแตง ปลัดอาวุโสอำเภอดงเจริญ จ.พิจิตร กล่าวว่ากรณีจะมีชาวบ้านนัดชุมนุมปิดถนนเพื่อเรียกร้องราคาข้าวตกต่ำ บริเวณสี่แยกวังงิ้ว อ.ดงเจริญ นั้น นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯพิจิตร มีคำสั่งให้ตนเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกรชาวนาทุกตำบลทุกหมู่บ้าน ซึ่งตนได้ประสานไปยังเกษตร อำเภอเพื่อขอความร่วมมือและทำความเข้าใจแล้วเพื่อไม่ให้เกิดการสับสน อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือชาวนาแล้วเช่นกัน ซึ่งชาวนาพิจิตรต่างเข้าใจรัฐบาล

“ปู”โพสต์กินข้าวหอมมะลิ

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพขณะกินข้าวสวยและข้าวต้มผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า หลังจากไปอุดหนุนซื้อข้าวหอมมะลิจากชาวนาที่จ.อุบล ราชธานี กับจ.สุรินทร์ และนำมาช่วยขายแล้ว ส่วนหนึ่งขอเก็บไว้ทานเองที่บ้าน ต้องบอกว่าข้าวหอมมะลิที่เพิ่งสีมาใหม่ๆ นี่หอมจริงๆ เมื่อเช้านี้เลยตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทานเป็นข้าวต้มหรือข้าวสวยดี เลยขอรับประทานทั้งสองแบบ

page45761385

สั่งซื้อข้าวจากอุบลฯไปขายอีก

ที่ศาลาประชาคมกลางบ้านสะพือ ต.ตระการ พืชผล อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี มีกลุ่มชาวนามารวมตัวช่วยกันตากข้าวเปลือกและสีข้าวหอมมะลิเพื่อนำบรรจุใส่ถุงพลาสติก แยกเป็นถุง ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 100 บาท เพื่อส่งขายให้ลูกค้าและประชาชนที่สั่งซื้อ ล่วงหน้า โดยมีประชาชนสนใจสั่งซื้อโดยตรง จากชาวนาเป็นจำนวนมาก 1 ในนั้นคือน.ส. ยิ่งลักษณ์ที่สั่งซื้อผ่านนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้จัดหาข้าวสาร จากชาวนาส่งไปวางจำหน่ายในกรุงเทพฯ คาดว่าชาวนาทั้งหมดในอ.ตระการพืชผล จะบรรจุข้าวส่งขายได้ 2 ตัน

นายชูวิทย์เผยว่า จากการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์มาให้กำลังใจชาวนาในจ.อุบลฯ และนำข้าวสาร จากชาวนาไปวางขายหน้าทางเข้าห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ 10 ตัน ขายหมดภายใน 1 ชั่วโมง ทำให้อดีตนายกฯต้องการรับซื้อข้าวจากชาวนาไปวางขายที่กรุงเทพฯอีก ตนจึงเป็นสื่อกลางประสานรับข้าวจากชาวนาไปขายเพื่อเป็นอีกหนึ่งหนทางช่วยเหลือชาวนาในช่วงที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ

ทร.สั่งหน่วยขึ้นตรงซื้อข้าว

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ(บก.ทร.) พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกทร. กล่าวถึงการช่วยเหลือชาวนาว่า พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. มอบให้พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนา ธิการทหารเรือเป็นผู้รับผิดชอบดูแลภาพรวม โดยสั่งการให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือทั้งหมดดำเนินการตามแนวทางรัฐบาล ส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ เช่น กองกำลัง ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ร่วมมือกับชาวบ้านดูแลพื้นที่ที่เดือดร้อน รับซื้อข้าวบางส่วนเพื่อนำมาบริโภค หากชาวนาขาดแรงงานก็จะส่งกำลังพลไปช่วย รวมถึงในภาคใต้ด้วย ทร.พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ รวมถึงเป็นตลาดกลางในหน่วยทหารช่วยรับซื้อข้าวจากชาวนาไปจำหน่ายให้ประชาชนตามโครงการเปิดหน่วยช่วยชาติ และให้ผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยตรวจสอบปัญหา ซึ่งแต่ละพื้นที่มีปัญหาต่างกัน เช่นปัญหาภาคตะวันออก อาจไม่รุนแรงเท่าภาคกลาง

นายกฯจี้งานทุกกระทรวง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม.ว่า นายกฯชี้แจง ในที่ประชุมครม.ว่าที่ผ่านมาได้ไปตรวจราชการที่กระทรวงคมนาคม จากนี้จะไปทุกระทรวง เพื่อดูยุทธศาสตร์แผนแม่บทที่ได้มอบหมายว่าได้ดำเนินการถึงไหนแล้ว โดยไปติดตามเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณแบบใหม่ ยืนยันไม่ได้ไปจับผิดข้าราชการในกระทรวง ทั้งนี้ นายกฯแจ้งว่า การเดินทางไปของนายกฯแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องมีการต้อนรับ ขอให้ทุกอย่างเรียบง่ายเพราะต้องการไปติดตามงานจริงๆ

ไก่อูจัดรายการครั้งแรก 14 พย.

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า วันที่ 14 พ.ย.นี้ตนจะเปิดรายการ”เคลียร์ คัด ชัดเจน” ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(ช่อง 11) ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 20.30 น. เพื่อชี้แจงเรื่องที่สังคมสนใจแต่เข้าใจผิดให้เกิดความชัดเจน นอกจากนี้ จะชี้แจงเรื่องที่ประชาชนเข้าใจเพียงผิวเผินให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เช่น เรื่องเศรษฐกิจดิจิตอล โดยรูปแบบรายการ จะเชิญคนที่มีความรู้ ความสามารถ มาสื่อสารอธิบายให้ประชาชนเข้าใจโดยง่าย โดยไม่เน้นว่าจะต้องเป็นเพียงรัฐมนตรีเท่านั้น

พล.ท.สรรเสริญกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการแฮ็กอีเมล์ส่วนตัวว่า ตนจะไม่ฟ้องร้องหรือดำเนินการใดๆ ต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพราะอีเมลที่ถูกแฮ็กข้อมูลไม่ใช่อีเมลของตนและส่วนตัวไม่ใช้โซเยลมีเดียอยู่แล้ว อีกทั้งนายกฯให้แนวคิดว่ารัฐบาลมีภารกิจมากในเวลาที่จำกัด สิ่งใดที่ลดความขัดแย้งลงได้ขอทำใจให้ร่มๆ อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนอยากให้รัฐบาลเคารพสิทธิส่วนบุคคล แต่คนกลุ่มนั้นกลับไปละเมิดสิทธิคนอื่นเอง ถามว่าใครควรต้องปรับตัวเพื่อให้บ้านเมืองสงบและเป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นหลัง และตนจะไม่สนใจหากกลุ่มต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์จะทำอะไรต่อไปในอนาคต

“ป้อม”ยันยังไม่มีแผนขึ้นเงินครม.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มพลเมืองต้านซิงเกิลเกตเวย์ขู่แฮ็กอีเมล์ ของบุคคลในรัฐบาลว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช.ต้องร่วมมือกันดำเนินการ และให้เขาช่วยดูแลเรื่องนี้พร้อมกับให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยป้องกันการแฮ็กข้อมูล เรื่องดังกล่าวทางกระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการทหารสูงสุดก็เคยโดนแต่ป้องกันได้ ช่วงนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการแฮ็กข้อมูลของหน่วยงานราชการ และไม่รู้ว่าใครไปเอาข่าวมา

เมื่อถามว่าส่วนตัวกลัวจะโดนแฮ็กอีเมล์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่เห็นกลัวเลย เพราะตนไม่มีความลับ อีเมลส่วนตัวยังไม่มีเลย ไม่รู้จะไปติดต่อใคร แค่ทำงานทุกวันนี้ก็แย่อยู่แล้ว

เมื่อถามกรณีสมาชิกสปท.เสนอแนวทางปฏิรูปผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ปรับเพิ่มค่าตอบแทนนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. เพื่อป้องกันการทุจริต พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าต้องถามสปท.ว่าคิดอย่างไร ตนไม่ได้ไปคิดกับเขาด้วย หากจะปรับขึ้นคงไปขึ้นในรัฐบาลหน้าไม่ใช่ขณะนี้ ส่วนการขึ้นเงินเดือนจะป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตได้หรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่าจะขึ้นได้หรือยังก็ยังไม่รู้ อย่าไป มโนและถามอนาคตเพราะตอบไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่มีแผน สปท.อาจจะคิดได้แต่คนที่จ่าย เงินคือฝ่ายบริหาร หากไม่เหมาะสมก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง

สปท.ขวางขึ้นเงินเดือนสส.

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวภายหลังการประชุมสปท.การเมือง ว่าที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณาเรื่องข้อเสนอการขึ้นค่าตอบแทนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามที่คณะอนุกมธ.ปฏิรูปผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เสนอ ให้ขึ้นเงินเดือนส.ส. เทียบเท่ากับผู้บริหารองค์การมหาชน เพราะไม่มีเรื่องดังกล่าวอยู่ในวาระการประชุมครั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าหากมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสปท.การเมืองเมื่อใด ควรให้ข้อเสนอเรื่องการขึ้นเงินเดือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตกไป เพราะไม่เป็นที่ตอบรับของสังคม สวนกระแสกับความรู้สึกของประชาชน จึงไม่ควรนำมาพิจารณาเพราะไม่รู้ว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร การปฏิรูปควรทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศมากกว่าควรไปพิจารณาข้อเสนอ อื่นๆ ที่คณะอนุกมธ.เสนอมา เช่น มาตรการคัดกรองนักการเมืองตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีประสิทธิภาพ จะดีกว่า

อนุกมธ.ยอมถอย

ด้านนายสมพงษ์ สระกวี ประธานอนุกมธ.ปฏิรูปผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สปท. กล่าวว่า ขณะนี้ข้อเสนอเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องพักไว้ก่อน ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ตอนนี้ ส่วนหนึ่งเพราะกระแสสังคมไม่ตอบรับ จนกว่าบทบาทนักการเมืองจะได้รับการพัฒนาขึ้น สามารถตอบโจทย์ให้นักการเมืองเป็นที่ต้อง การของสังคมได้ และเป็นอาชีพที่สามารถระดมคนมีความรู้ ความสามารถ เข้าสู่การเมือง ได้จริงๆ ไม่ใช่เป็นบุคคลแถวสองที่ไม่เป็นที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องได้รับการพิจารณาไม่วันนี้ก็วันหน้า เพียงแต่วันนี้ทุกคนยังไม่ต้องการ เพราะไม่มีใครอยาก ตกอยู่ในสนามกระสุนตก ซึ่งข้อเสนอเพิ่มค่าตอบแทนแก่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะให้ส.ส.ได้รับค่าตอบ แทนเป็น 2-3 แสนบาท แต่เป็นแค่การเทียบเคียงกับเงินเดือนของผู้บริหารองค์การมหาชน เพราะโครงสร้างขององค์การมหาชนต้องอยู่ในวาระ 4 ปี และทำเพื่อสาธารณชน คล้ายกับองค์กรการเมือง แต่จะพิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนเท่าใดต้องไปพิจารณากันอีกครั้ง

กกต.ชงปปช.ฟัน”ภุชงค์”

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แจ้งว่า ช่วงกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา กกต.มีมติให้สำนักงานกกต.ส่งเรื่องนายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานกกต. กระทำผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ราชการเกิดความเสียหาย กรณีการก่อสร้างสำนักงานกกต.จังหวัด 12 แห่งสมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ดำเนินการ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างสำนักกฎหมายและคดีของสำนักงานกกต.กำลังดำเนินการ กรณีดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กกต.มีมติเลิกจ้างนายภุชงค์ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2558 และมีมติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเวลา ต่อมา โดยมีพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน เป็นประธาน ซึ่งได้มีการเสนอผลการสอบสวนให้กกต.พิจารณาแล้วส่วนหนึ่ง โดยมีความเห็นว่าการดำเนินการก่อสร้างดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ 2535 ที่กำหนดหลักการว่าการก่อสร้างอาคารสำนักงานของส่วนราชการให้โยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง

แต่กรณีสำนักงานกกต.จังหวัดที่เกิดปัญหา นายภุชงค์กลับว่าจ้างอดีตเจ้าหน้าที่กองออก แบบของกระทรวงศึกษาธิการมาดำเนินการในลักษณะเป็นเอกชนมาจ้างเหมาบริการ ขณะเดียวกันการออกแบบและการก่อสร้างอาคารสำนักงานกกต.จว.ดังกล่าวก็ไม่มีส่วนของผังบริเวณ เช่น ตำแหน่งรั้ว ทางถนน โรงจอดรถ ท่อระบายน้ำ เป็นต้น ส่งผลให้การใช้อาคารสำนักงานในเวลาต่อมาเกิดปัญหา และกกต.ต้องเสียงบประมาณในการดำเนินการเพิ่มเติมอีก ที่ประชุมกกต.จึงเห็นว่าการดำเนินการของนายภุชงค์ขัดต่อระเบียบสำนักนายกฯ ส่งผลให้ราชการเกิดความเสียหาย และให้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการ

การก่อสร้างอาคารสำนักงานกกต.จังหวัด 12 แห่งในยุคนายภุชงค์ ประกอบด้วย จ.สมุทร สงคราม จ.สุพรรณบุรี จ.ยโสธร จ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี จ.ลำพูน จ.สุโขทัย จ.อุตรดิตถ์ จ.พะเยา จ.ลำปาง จ.นครศรีธรรมราช และจ.พังงา แต่ละแห่งใช้งบประมาณราว 30 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างในทุกแห่งเสร็จสิ้นแล้ว แต่กกต.กลางต้องแก้ปัญหาเรื่องที่แต่ละแห่งไม่มีผังบริเวณ จึงต้องมีการตั้งงบประมาณ อีกส่วนหนึ่งในการดำเนินการ โดยได้ขอความ ร่วมมือไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองให้ เข้ามาดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ใกล้ที่จะออกแบบเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เหลืออีกในบาง จังหวัดก็คาดว่าผลการสอบสวนจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

บิ๊กต๊อกชี้ตปท.เข้าใจม. 112 มากขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประสานขอความร่วมมือกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศว่า ดี ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการอยู่ในต่างประเทศ ทราบว่าขณะนี้ต่างประเทศเข้าใจและให้ความร่วมมือดีขึ้น แต่บางเรื่องใช้วิธีการตามกฎหมายหรือกฎหมู่ไม่ได้ ก็ต้องใช้มาตรการสังคมจัดการในการขอความร่วมมือ เมื่อถามว่าที่ว่าต่างประเทศให้ความร่วมมือดีขึ้น มีแนวโน้มจะส่งผู้กระทำผิดกลับมาดำเนินคดีหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าไม่แน่ใจเพราะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน