จากกรณี หญิงสาวรายหนึ่งอออกมาโพสต์คลิปวีดีโอระบุว่าเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้ไปส่งที่ย่านห้วยขวาง กทม. แต่เมื่อรถออกมาจากสนามบินกลับพบว่าคนขับได้เรียกค่าโดยสารจำนวน 500 บาท และไม่กดมิเตอร์ ทำให้หญิงสาวท่านนี้ไม่ยอมจ่ายจึงถูกคนขับปล่อยทิ้งไว้ข้างมอเตอร์เวย์นั้น

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ผู้ร้องได้แจ้งไว้ระบุว่าชื่อคนขับที่ปรากฏในบัตรผู้ประจำรถ ไม่ตรงกับชื่อที่ระบุในบัตรคิวของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งต้องประสานผู้ประกอบการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวโดยเร่งด่วน พร้อมประสานการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมติดตามและดำเนินการตามกฎหมายกับคนขับรถ โดยเบื้องต้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวคนขับรถจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานทิ้งผู้โดยสารลงกลางทางไม่ส่งยังจุดหมายปลายที่ได้ตกลงกันปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท, ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท และหากพบว่าคนขับรถเป็นคลละคนกับข้อมูลที่ปรากฏในบัตรผู้ประจำรถพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตขับรถสาธารณะทันที และผู้ประกอบการจะมีความผิดฐานไม่จัดส่งข้อมูลผู้ประจำรถและไม่ควบคุมดูแลคนขับรถอีกด้วย

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กองกับกำการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ติดตามและจับกุมตัวผู้ขับขี่พร้อมรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้แล้ว ทราบชื่อ คือ นาย บุญช่วย พิมพ์นนท์ อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวนำโดย พ.ต.อ. อำนาท โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท1 พ.ต.ท. ประยูร ปักอินทรีย์ สว.กก.-3ทท.1 ได้ตรวจค้นภายในรถพบยาไอซ์ บรรจุในถุงพาสติกใสจำนวนหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์การเสพ จึงได้สอบถามด้านคนขับแต่เจ้าตัวปฎิเสธ จึงสอบเค้นจนยอมรับสารภาพว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของตนเองจริง ทั้งนี้ ระหว่างตรวจค้น นายบุญช่วย ได้ยื่นข้อเสนอติดสินบนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จำนวนเงิน 5,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ

ต่อมานายบุญช่วย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าตนเองติดยาเสพติดชนิดยาไอซ์มานานหลายปีโดยจะต้องเสพทุกวัน ซึ่งจะซื้อมาในราคาถุงละ 200 บาท วันเกิดเหตุตนเองมาส่งผู้โดยสารที่สนามบินสุวรณภูมิ ระหว่างจะออกรถ มีเพื่อนแท็กซี่มาชักชวนให้ลงมารับผู้โดยสารด้านล่างเนื่องจากรถไม่เพียงพอ ตนเองจึงลงมา จนรับหญิงสาวคนดังกล่าว หลังจากออกจากสนามบินตนจึงเรียกเก็บค่าโดยสารจำนวน 500 บาทจริงเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ตามที่ปรากฎในคลิปจริง

“ช่วงเทศกาลต่างๆ จะใช้วิธีเรียกเหมาไม่ต้องกดมิเตอร์ซึ่งแท็กซี่ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นมาก็จะเป็นเช่นนี้จึงทำตาม ส่วนใบขับขี่หน้ารถที่ไม่ตรงกันเพราะเป็นใบขับขี่คู่กะกันเท่านั้น” นายบุญช่วย กล่าว

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาหนัก คือ ขับรถเสพ มียาเสพติดไว้ในความครอบครอง ติดสินบนเจ้าพนักงาน และ ข้อหาไม่ส่งผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายปลายทาง ข้อหาไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร พร้อมเสนอขนส่งพิจารณายกเลิกใบอนุญาตขับขี่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน