ศาลพิพากษา ประหารชีวิต ขี้ยาโหด ปล้นฆ่า กระหน่ำแทง ยาย-หลาน ดับสยองเพชรบูรณ์

กรณีมีคนร้ายก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ นางสนม เกสร อายุ 56 ปี กับ ด.ช.อรรถโกวิทย์ มณฑาจันทร์ อายุ 11 ปี ที่บ้านเลขที่ 7/23 หมู่ 3 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลังก่อเหตุคนร้ายชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องไปด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 ที่ผ่านมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายวัชรพล หรือโฟร์ สีมา อายุ 20 ปี ผู้ก่อเหตุ อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 2 บ้านน้ำก้อหัวขัว ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งรับสารภาพว่าก่อนก่อเหตุช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.ค.2561 ตนไปหาเพื่อนรุ่นพี่ ที่ตลาดขายส่งผักสี่แยกพ่อขุนผาเมือง จากนั้นจึงร่วมกันเสพยาบ้าด้วยกันกระทั่งค่ำ ขอยืมรถจักรยานพร้อมไขควงของเพื่อนรุ่นพี่เพื่อนำไปซ่อมรถจักรยานยนต์ที่จอดเสียอยู่ที่บ้านพัก

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จากนั้นจึงปั่นจักรยานผ่านมาที่หน้าบ้านนางสนม และเห็นว่าไม่มีคนอยู่ กระทั่งดึกจึงเดินขึ้นไปบนบ้านโดยใช้ไขควงงัดขอบอลูมีเนียม และถอดกระจกข้างประตูหน้าบ้านปลดล๊อดกลอนประตู จากนั้นเข้าไปในบ้านเพื่อขโมยทรัพย์สินขณะค้นหาทรัพย์สินอยู่นั้น

นางสนม และด.ช.อรรถโกวิทย์ ตื่นขึ้นมาเจอ จึงเกิดการต่อสู้ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะใช้มีดกระหน่ำแทงทั้งคู่จนเสียชีวิต แล้วคว้าสร้อยคอจากคอนางสนม และหยิบโทรศัพท์มือถือ ของเด็กชายอรรถโกวิทย์ติดมือไปด้วย

ก่อนกระโดดหนีทางหน้าต่างหลังบ้านและขี่จักรยานหลบหนีข้ามลำคลองแต่น้ำเชี่ยวทำให้จักรยาน,สร้อยคอทองคำและโทรศัพท์มือถือจมน้ำหายไป ภายหลังหนีกลับเข้าไปบ้านและทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 3 ศาลจังหวัดหล่มสัก ผู้พิพากษาออกพิจารณาคดีดังกล่าว โดยมีนางพรพภา มณฑาจันทร์ ลูกสาวของนางสนม เกสร และแม่ของ ด.ช.อรรถโกวิทย์ มณฑาจันทร์ ในฐานะโจทก์ร่วม พร้อมด้วยน้องสาวและน้องชายเข้าร่วมฟังคำพิพากษา โดยมีตัวแทนญาติของฝ่ายจำเลยเข้าร่วมฟังด้วย 1 คน

ทั้งนี้ศาลได้พิจารณาและพิพากษาให้ประหารชีวิตนายวัชรพล หรือโฟร์ สีมา แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมทั้งชดเชยค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงินกว่า 600,000 บาท

หลังฟังคำพิพากษานางพรพภา มณฑาจันทร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลที่ได้ลงโทษผู้ที่ฆ่าแม่และลูกชายของตนเองให้ประหารชีวิต และการที่ศาลได้ลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต

ตนก็เห็นว่าเป็นการสมควรแล้วที่ผู้ก่อเหตุจะต้องได้ชดใช้กรรมในเรือนจำต่อไป ซึ่งถ้าหากดวงวิญญาณแม่รับรู้ได้ก็คงไม่อยากให้มีการประหารชีวิตเพราะจะเป็นเวรกรรมต่อกันไปในชาติหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน