น้า พริตตี้สาว เปิดใจ หลังเสียหลาน พ้นทรมาน นอนโคม่ามาครึ่งปี คิดตั้งแต่แรกแล้วว่าคงจะไม่กลับมาเหมือนเดิม ส่วนคดีความกับร้านนวดก็จบแล้ว ญาติบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่

พริตตี้สาว จากกรณี น.ส.วิราวรรณ เกษเกษี อายุ 26 ปี พริตตี้สาวท้อง 6 เดือน ช็อคหมดสติและแท้งลูกขณะเข้าไปใช้บริการนวดเท้าที่ร้านนวดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาต้องมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าหญิงนิทราและนอนติดเตียง

ล่าสุดวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายชัยวัฒน์ คำยา อายุ 54 ปี น้าชายของ น.ส.วิราวรรณ ว่าเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.วิราวรรณ ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างเข้ารับการรักษาตัวครั้งล่าสุด หลังจากที่อาการโคม่ามานานกว่า 6 เดือน ซึ่งโดยส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกหมดห่วงที่หลานสาวสิ้นลมและจากไปอย่างสงบ เพราะเห็นว่าหลานสาวน่าจะจากไปตั้งแต่แรกแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติ

“สำหรับศพของหลานสาวนั้น ทางแม่ของหลานได้มอบให้กับทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ต่อไป โดยที่หลานสาวไม่ได้เคยทำเรื่องบริจาคไว้ แต่เป็นเพราะทางครอบครัวไม่มีความพร้อมทางการเงินที่จะจัดการงานศพ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางร้านนวดแผนไทยที่เป็นคู่กรณีได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้จำนวน 300,000 บาทกับทางแม่ของหลาน แต่คาดว่าน่าจะใช้จ่ายหมดแล้ว และแม่ของหลานก็ได้เซ็นต์ชื่อไม่ติดใจเอาความแล้ว คดีกับร้านนวดเป็นอันยุติ อย่างไรก็ตามผมไม่ทราบรายละเอียดเพราะได้ไปเกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าว” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในเวลานี้ห่วงแต่ลูกชายของหลานสาวเท่านั้น ว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรต่อไป เพราะเหลือเพียงยายคนเดียวเท่านั้น ที่จะต้องเป็นคนดูแลและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยที่มีฐานะยากจนและไม่ได้มีรายได้ใดๆ ซึ่งตัวก็พยายามหาทางช่วยเหลือให้อยู่ ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมจากหน่วยงานรัฐตามที่เคยมีการให้สัญญาไว้นั้น

เบื้องต้นได้รับการติดต่อว่าหลังจากนี้จะมีการนัดหมายหารือกันในช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนคดีความต่างๆ ยังอยู่ในกระบวนการ แต่เท่าที่ทราบยังไม่มีการส่งฟ้องตั้งแต่แรก และก็คู่กรณีก็มาเยียวยา 3 แสน แม่ก็ตกลงเซ็นต์ชื่อไม่ติดใจเอาความไปแล้ว ส่วนกรณีที่มาเสียชีวิตก็คงต้องทำเรื่องถึงกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อขอเงินค่าเยียวยา ซึ่งจะได้หรือจะเข้าเกณฑ์หรือไม่ก็ต้องว่ากันต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน