วันที่ 4 มิ.ย. พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางประจวบคีรีขันธ์ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บนถนนทางหลวงหมายเลข 4 หน้าสถานีตำรวจทางหลวง 3 กก.2 บก.ทล. ถนนเพชรเกษมหลักกิโลเมตร 308 ขาล่องใต้ ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ระหว่างนั้นพบรถกระบอีซูซุ ดีแม็กซ์ ตอนเดียว สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒผ 3484 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาจะลงใต้ จึงส่งสัญญาณให้เข้าจอดและขอตรวจค้นภายในรถ เมื่อตรวจสอบชื่อตามใบอนุญาติขับขี่ ทราบชื่อคือ นายรัฐภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาว จ.ชุมพร จึงได้ตรวจสอบชื่อและข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยระบบสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ระบบ CRIMES ON MOBILE และ ระบบ POLICE

พบความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 122/2548 ลงวันที่ 28 พ.ย.48 ในข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพาอาวุธติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธาณระ โดยไม่ได้รับอนุญาติ ให้มีอาวุธปืน และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์”

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ย.48 เวลา 20.50 น. ที่ ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร เกิดเหตุปล้นร้านของชำและได้ทรัพย์สินส่วนหนึ่ง ขณะเกิดเหตุผู้ต้องหาเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยได้หลบหนีหมายจับนานกว่า 15 ปี

ด้าน นายรัฐภูมิ ได้ให้การภาคเสธ โดยอ้างว่า ในวันดังกล่าวตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งตนไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว จึงไม่ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปัจจุบันประกอบอาชีพรับซื้อทุเรียน และวันนี้เดินทางจากบ้านพักที่ จ.พิษณุโลก มุ่งหน้า อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อจะมาหาซื้อทุเรียนที่หลังสวนนำไปขาย กระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์จับกุมดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน