นอนคุกต่อ! ศาลจังหวัดมุกดาหารไม่ให้ประกันพ่อด.ญ.12 ปี ที่ถูกย่ำยีจนท้อง กลัวไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ญาติยังคาใจผลดีเอ็นเอ วอนจนท.ตรวจสอบให้ชัด
กรณีเด็กหญิงวัย 12 ขวบ ถูกข่มขืนกระทำชำเราจนตั้งครรภ์และคลอดลูกสาววัย 5 เดือนเศษ และแจ้งความร้องทุกข์ไปยังชายวัย 51 ปี ว่าเป็นผู้กระทำ หลังเจ้าหน้าที่มีการตรวจพยานหลักฐานทั้งการตรวจดีเอ็นเอของผู้ใกล้ชิดทุกฝ่าย ผลออกมาดีเอ็นเอไปตรงกับพ่อ ร่วมสายโลหิตของเด็กผู้เสียหาย ล่าสุดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ขณะที่เด็ก ผู้เสียหายยืนยันว่าพ่อไม่ได้เป็นคนกระทำ ด้านครอบครัวญาติพี่น้อง รวมทั้งแม่เด็กก็ไม่เชื่อ ต่างแสดงความสงสัยงุนงงกับผลตรวจดีเอ็นเอที่เกิดขึ้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 นางนก (นามสมมติ) แม่เด็กของด.ญ.อายุ 12 ขวบ ภรรยาของผู้ต้องหาที่หลักฐานทางดีเอ็นเอชี้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็ก พากลุ่มญาติเหมารถเดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อขอประกันตัวสามีที่ถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยนำหลักฐานเข้ายื่นต่อศาลพร้อมกับหลักทรัพย์ในการประกันตัว ซึ่งศาลตั้งวงเงินในการประกันตัวสามีไว้เป็นจำนวนเงิน 3.5 แสนบาท ซึ่งหลังจากที่ใช้เวลาในการดำเนินวิธีการยืนประกันตัว นายวิชพล (สงวนนามสกุล) อายุ31ปี พ่อของเด็กวัย 12 ผู้ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนลูกสาว จนท้องคลอดลูกตัวน้อยวัย 5 เดือนเศษ
นางสาวนก (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวสามีของตนเนื่องจากเอกสารหลักฐานบางอย่างยังไม่ครบ แม้ตนจะยืนยันว่าหลังการประกันตัวออก สามีของตนก็ไม่ได้อยู่กับลูกสาวที่ถูกข่มขืนแต่อย่างไร เพราะต้องไปทำงาน และเพื่อป้องกันการไปยุ่งกับพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งนี้ตนก็ยังคงต้องเดินเรื่องขอประกันตัวสามีกับศาลต่อไป เพื่อจะได้ออกมาสู้คดี จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
สำหรับผลตรวจดีเอ็นเอญาติพี่น้องทุกคนต่างก็สงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่จะบ่งชี้ว่าตัวพ่อเป็นผู้กระทำ ซึ่งคงต้องขอรับฟังคำอธิบายที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบในครั้งนี้ให้ชัดแจ้ง
ด้านญาติของนายวิชพล พ่อของเด็กวัย 12 ปี กล่าวว่า ปกติพ่อของเด็กก็ไม่ค่อยกลับบ้าน มักจะอยู่ที่หน้างานตลอด ที่ผ่านมาตนไม่เชื่อว่าพ่อเด็กจะทำ อีกทั้งตัวเด็กเองก็ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตลอดว่า ชายที่อยู่เถียงนาใกล้ที่เลี้ยงวัวเป็นคนทำ พ่อไม่ได้ทำ แต่สุดท้ายผลตรวจ ดีเอ็นเอก็ออกมาเช่นนี้ ตนก็สงสัยมากว่าการตรวจเป็นแบบไหน เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัวต่างก็สงสัยคาใจ กับผลการตรวจในครั้งนี้เป็นอย่างมาก