แฉพฤติกรรม ผัว-เมีย ฆ่าหั่นศพสาว ล้างหนี้ ญาติสุดเอือม ย่ายังโดนตุ๋นเงินหมื่น พ่อบอกไม่เคยรู้พฤติกรรมลูกสาว เผย เครียด อยากย้ายหนี จนท.ระดมหาอวัยวะอีก

วันที่ 23 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายจากกรณีพบศพ น.ส.ปิยะวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ถูกฆ่าแล้วหั่นศพฝังดินไว้หลังบ้านที่ น.ส.ภัทราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.ดอนรวก อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พักอาศัยอยู่กับ นายณรงค์ชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สามี หลังจากญาติแจ้งความคนหายเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา

มีเบาะแสว่าจะมาทวงหนี้ที่บ้านของน.ส.ปิยะวรรณ โดยเชื่อว่าถูกหลอกให้โอนเงินเป็นค่าฝากเข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลายครั้งแต่ไม่สามารถฝากเข้างานได้ และหายตัวไปก่อนจะมาพบเป็นศพในวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา

แฉพฤติกรรม ผัว-เมีย ฆ่าหั่นศพสาว ล้างหนี้ ญาติสุดเอือม ย่ายังโดนตุ๋นเงินหมื่น พ่อบอกไม่เคยรู้พฤติกรรมลูกสาว เผย เครียด อยากย้ายหนี จนท.ระดมหาอวัยวะอีก

แฉพฤติกรรม ผัว-เมีย ฆ่าหั่นศพสาว ล้างหนี้ ญาติสุดเอือม ย่ายังโดนตุ๋นเงินหมื่น พ่อบอกไม่เคยรู้พฤติกรรมลูกสาว เผย เครียด อยากย้ายหนี จนท.ระดมหาอวัยวะอีก

โดยทั้ง น.ส.ปิยะวรรณและนายณรงค์ชัยถูกจับกุมตัวหลังจากหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมสารภาพว่า มีการฆ่าหั่นศพฝังดินและนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปโยนทิ้งที่คลองชลประทานในพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.เมืองนครปฐม และ อ.ดอนตูม ห่างจากบ้านที่พบอวัยวะส่วนแรกประมาณ 300 เมตร

โดยช่วงบ่ายของวันที่ 22 มี.ค. เมื่อชาวบ้านทราบข่าวได้มีการรวมตัวมา ที่บริเวณคลองชลประทานในพื้นที่ ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้นำนักประดาน้ำลงทำการดำน้ำเพื่อค้นหาอวัยวะที่ทั้งสองคนสารภาพว่ามีการนำมาโยนทิ้งเพื่ออำพราง

และติดตามจาก GPS โทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่มีการวิ่งไปยังถนนเส้นต่าง ๆ เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและพูดถึง โดยเฉพาะผู้ต้องหาฝ่ายหญิงซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในเรื่องการใช้เงินและลักทรัพย์ รวมถึงการหลอกลวงเงินจากชาวบ้านและญาติของตัวเอง

โดยตั้งแต่ช่วงบ่ายกระทั่งถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เจ้าหน้าที่ได้ดำน้ำค้นหาอวัยวะจากคลองชลประทานและบริเวณจุดต่าง ๆ ระยะทางรวมกว่า 3 กิโลเมตร ตลอดทั้งวันยังไม่พบอวัยวะอื่นหรือสิ่งผิดปกติตามที่ได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการยุติการค้นหาในช่วงหัวค่ำ

จากการสอบถาม น.ส.แวว (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นเครือญาติของน.ส.ภัทราภรณ์ ผู้ต้องหา ซึ่งทราบเหตุการณ์ดังกล่าวมาว่าทั้งสองคนมาอาศัยอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นบ้านพ่อและเป็นจุดที่พบอวัยวะแห่งแรก

น.ส.แวว เปิดเผยต่อว่า ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นคนในพื้นที่ อ.นครชัยศรี ได้ติดตามมาทวงเงินจากการที่ทั้งคู่ไปหลอกว่าสามารถนำเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้ และมีการโอนเงินให้หลายครั้ง กระทั่งผู้เสียชีวิตตามมาทวงเงินที่บ้านและหายตัวไป และมาพบศพในวันนี้ โดยชาวบ้านหลายคนก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

น.ส.แวว เปิดเผยอีกว่า สำหรับตนทราบข้อมูลจากญาติว่าน.ส.ภัทราภรณ์มีพฤติกรรมที่สุดแสบหลายอย่าง เช่น การลักเล็กขโมยน้อยบ่อยครั้ง โดยมีการลักขโมยของที่โรงพยาบาลแหงหนึ่งในช่วงที่เป็นลูกจ้าง การลักไก่ชาวบ้าน และมีอีกหลายเรื่องซึ่งแต่ละเรื่องก็ได้มีการตกลงยอมความกัน แต่คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ที่สุด

“ขนาดย่าของเขาเองก็ยังเพิ่งโดนหลอก ให้ไปเอาเงิน 10,000 บาทที่ได้จากรัฐบาล โดยหลอกว่าไปทำถังสีของแฟนหกเสียหายและปลอมเฟซบุ๊กไปเป็นคนอื่น บอกญาติให้ไปรับเงินที่บ้าน โดยมีการปิดไฟไม่ให้เห็นว่าใครเป็นคนรับ เนื่องจากหากคนในบ้านรู้ก็จะไม่มีทางให้เงินแน่นอน” น.ส.แวว กล่าว

น.ส.แวว กล่าวด้วยว่า พฤติกรรมเหล่านี้เป็นที่ระอาและเป็นที่รู้กันของชาวบ้านถึงความแสบของฝ่ายหญิงและสามี ซึ่งตอนนี้เรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่โด่งดังมากในพื้นที่โดยหลายคนบอกว่ารับไม่ได้เช่นกันกับความโหดเหี้ยมของคนทั้งคู่

ด้าน นายนัย (นามสมมติ) พ่อของน.ส.ภัทราภรณ์ กล่าวว่า เพิ่งจะทราบเรื่องเมื่อตอนที่ตำรวจมาที่บ้าน และมารับตัวทั้งคู่ไปสอบปากคำมาครั้งหนึ่งแล้วนำกลับมาส่ง จากนั้นก็มีการมารับไปอีก ก่อนที่ทั้งลูกสาวและแฟนของเขาจะออกจากบ้านไป และมีตำรวจกลับมาที่บ้าน

นายนัย กล่าวต่อว่า โดยมีการไปขุดจนพบศพ ซึ่งตนไม่ทราบมาจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งในทางคดีก็ต้องยอมรับว่าใครก่ออะไรไว้ก็ต้องรับสิ่งที่ได้ทำไปตามกระบวนการกฎหมาย และที่ผ่านมาตนไม่เคยทราบพฤติกรรม เพราะทั้งคู่จะไปอยู่ที่บ้านด้านหลัง จะเข้าออกหรือจะทำอะไรก็ไม่เคยมาปรึกษา

นายนัย กล่าวอีกว่า เขาใช้ชีวิตส่วนตัวของเขา เวลาจะออกจากบ้านก็จะใช้ผ้าสแลนปิดทางเข้าออก ซึ่งตนก็นอนอยู่ที่บ้านอีกหลัง ไม่ทราบมาก่อนว่า จะไปคบใครหรือจะไปหาใครตอนไหน

นายนัย กล่าวว่า ส่วนผู้ตายก็เพิ่งเคยเห็นมาวันที่เขามาที่บ้านแล้วก็ไม่เห็นอีกเลย ตอนนี้มีความเครียด เพราะกลัวชาวบ้านจะไม่เข้าใจ หาว่าเราเป็นคนไม่ดี เรื่องนี้ต้องบอกว่าเราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว แต่ไม่สามารถเข้าไปถึงความคิดของเขาได้

“ตอนนี้อยากขอโทษญาติของผู้สูญเสีย เพราะเราไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำใจอย่างไร เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วแล้วก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้ ส่วนตัวคิดว่าคนก่อเหตุก็ต้องติดคุกไปตามที่เขาทำ แต่คนที่จะลำบากก็คือคนที่ต้องอยู่ในชุมชนนี้ อยากจะย้ายบ้านหนีออกไปให้พ้นซะที” นายนัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายที่มีการออกติดตามหาอวัยวะส่วนอื่นของผู้ตาย มีชาวบ้านจับกลุ่มคุยกันถึงคดีโหดเหี้ยมดังกล่าวว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ และไม่คิดว่าทั้งคู่จะกล้าลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในชุมชน

โดยประเด็นส่วนใหญ่ได้มีการพูดถึงใช้เงินเกินตัวและมีคดีหลายครั้งของฝ่ายหญิงซึ่งก็จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.ดอนตูม อีกครั้งถึงสาเหตุและ กระบวนการในการสังหาร รวมถึงวิธีการในการแยกชิ้นส่วนของศพว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่มีการตัดสินใจก่อเหตุและลงมือในลักษณะใดกันแน่โดยเป็นคดีที่ประชาชนได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน