ถอดเทปลับคำต่อคำ นาทีก่อนสังหาร “คาช็อกกี” ในสถานกงสุลซาอุฯ

ถอดเทปลับคำต่อคำ – วันที่ 10 ก.ย. เดลีซาบาห์ เผยแพร่บทสนทนาคำต่อคำในช่วงก่อนการสังหาร นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย คอลัมนิสต์ของ วอชิงตันโพสต์ ซึ่งถูกสังหารโหดในสถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.2561

A full transcript of Jamal Khashoggi's murder at the hands of a Saudi hit squad in October last year reveals how Maher Abdulaziz Mutreb (pictured centre) discussed dismembering the dissident journalist's body before he arrived at the consulate in Istanbul

บทสนทนาดังกล่าวบันทึกผ่านไมโครโฟนที่แอบติดตั้งภายในสถานกงสุลซาอุฯ โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติตุรกี ช่วงต้นเป็นบทสนทนาระหว่าง นายมาเฮอร์ อับดูลาซิซ มูเตร็บ รองผู้สั่งการของทีมนักฆ่า กับ ดร.ซาลาห์ มูฮัมเหม็ด อัล-ตูไบกี หัวหน้าแผนกหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ กรมความปลอดภัยสาธารณะของซาอุฯ ซึ่งรับผิดชอบการชำแหละศพนายคาช็อกกี

บทสนทนาดังกล่าวบันทึกเมื่อเวลา 13.02 น. ของวันเกิดเหตุ หรือเพียง 12 นาที ก่อนที่นายคาช็อกกีจะมาถึงสถานกงสุล โดยนายมูเตรบถามว่า “เอาศพใส่ถุงได้หรือไม่” นายอัล-ตูไบกีตอบกลับว่า ไม่ได้ เนื่องจากนายคาช็อกกีหนักและสูงเกินไป ตนทำงานเกี่ยวกับศพ รู้ดีว่าจะหั่นศพอย่างไร

Dr. Salah Muhammed Al-Tubaigy can be heard talking about how he will listen to music, smoke and drink coffee as he cuts Khashoggi's body into pieces

ดร.ซาลาห์ มูฮัมเหม็ด อัล-ตูไบกี

“แม้จะไม่เคยหั่นศพเพิ่งตายใหม่ๆ แต่ผมจัดการมันได้ง่ายๆ ปกติผมสวมหูฟังและฟังเพลงเวลาหั่นศพ ระหว่างนั้น ผมก็จิบกาแฟและสูบบุหรี่ไปด้วย เมื่อผมชำแหละศพแล้ว คุณก็ห่อชิ้นส่วนต่างๆ ในถุงพลาสติก ใส่กระเป๋าเดินทาง และนำออกไปจากสถานกงสุล” นายอัล-ตูไบกีกล่าว

จากนั้น นายมูเตร็บถามว่า “สัตว์บูชายัญ” (หมายถึงนายคาช็อกกี) มาถึงหรือยัง กระทั่งเวลา 13.14 น. สมาชิกทีมนักฆ่ารายหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อบอกว่า “มาแล้ว”

 

นาทีคาช็อกกีเข้าสถานกงสุลซาอุฯ

เมื่อนายคาช็อกกีมาถึงสถานกงสุลซาอุฯ ได้รับเชิญเข้าไปห้องส่วนตัวบนชั้นสอง และได้รับแจ้งว่า นายโมฮัมหมัด อัล-โอไตบี กงสุลใหญ่ซาอุฯ อยู่ด้วย แต่นายคาช็อกกีปฏิเสธ จึงถูกกระชากแขนลากเข้าไป

นายมูเตร็บบอกว่า ตำรวจสากลสั่งให้นายคาช็อกกีกลับกรุงริยาร์ด (เมืองหลวงซาอุฯ) และถามว่า มีโทรศัพท์กี่เครื่อง นายคาช็อกกีตอบว่า มีไอโฟน 2 เครื่อง จากนั้น สั่งให้นายคาช็อกกีเขียนข้อความฝากถึงลูกชายว่า “ไม่ต้องกังวลหากติดต่อไม่ได้” เพื่อพยายามปกปิดการติดตามทีมนักฆ่า


บทสนทนา 10 นาทีสุดท้าย ก่อนสังหารคาช็อกกี

มูเตร็บ: ฝากข้อความถึงลูกชายคุณซะ

คาช็อกกี: จะให้ผมบอกอะไรลูกชาย

มูเตร็บ: คุณเขียนข้อความแล้วให้เราดู

คาช็อกกี: จะให้ผมพูดอะไร “พบกันใหม่” เหรอ

นักฆ่าอีกคนที่ไม่ปรากฏชื่อ: สายเกินไปแล้ว

มูเตร็บ: คุณก็เขียนอะไรไป เช่น “พ่ออยู่นครอิสตันบูล ไม่ต้องห่วงหากติดต่อไม่ได้”

คาช็อกกี: ผมไม่บอกว่าถูกลักพาตัวเลยซะล่ะ

นักฆ่าอีกคนที่ไม่ปรากฏชื่อ: ถอดแจ็กเก็ตออกซะ

คาช็อกกี: เกิดเรื่องแบบนี้ในสถานกงสุลได้อย่างไร ผมไม่เขียนอะไรทั้งนั้น

นักฆ่าอีกคนที่ไม่ปรากฏชื่อ: สายเกินไปแล้ว

คาช็อกกี: ผมไม่เขียนอะไรทั้งนั้น

มูเตร็บ: เขียนซะนายจามาล รีบเขียน ช่วยเรา แล้วเราจะช่วยคุณได้ เพราะท้ายที่สุด เราจะพาคุณกลับซาอุฯ หากไม่ช่วยเรา คุณจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

คาช็อกกี: นี่มีผ้าเช็ดตัว คุณจะโปะยาสลบผมเหรอ

อัล-ตูไบกี: เราจะทำให้คุณหลับ

นายคาช็อกกีถูกโปะยาสลบ และบอกว่า “อย่าปิดปากผม” ขณะถูกถุงพลาสติกครอบหัว และพูดประโยคสุดท้ายว่า “ผมเป็นหอบหืด อย่าทำแบบนั้น ผมหายใจไม่ออก” ก่อนจะได้ยินเสียงนายคาช็อกกีดิ้นรนและสำลัก ขณะที่ทีมนักฆ่าหารือกันและถามว่า นายคาช็อกกียังขยับอยู่หรือไม่ และสมาชิกทีมนักฆ่าบอกว่าจัดการต่อไป

จากนั้นเวลา 13.39 น. ได้ยินเสียงเลื่อยตัดกระดูกไฟฟ้า ขณะที่ทีมนักฆ่าเริ่มชำแหละศพนายคาช็อกกีเป็นเวลา 30 นาที

คาดว่าชิ้นส่วนศพนายคาช็อกกี ถูกใส่กระเป๋าเดินทาง และนำออกนอกสถานกงสุลซาอุฯ ไป ซึ่งยังหาชิ้นส่วนศพนายคาช็อกกีไม่พบจนถึงตอนนี้


นายคาช็อกกีเดินทางมาสถานกงสุลซาอุฯ เพื่อลงนามทะเบียนสมรสสำหรับการแต่งงานกับ น.ส.ฮาติซ เซนกิซ คู่หมั้นของนายคาช็อกกี ซึ่งรออยู่ด้านนอกสถานกงสุล และไม่ได้เห็นนายคาช็อกกีอีก

รัฐบาลซาอุฯ ยอมรับว่า คดีฆาตกรรมนายคาช็อกกีเป็นการวางแผนล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กระทำโดยไม่มีเกี่ยวข้องกับรัฐ ทีมนักฆ่าทั้งหมด 15 คน ถูกไต่สวนคดีฆาตกรรม 11 คน ในจำนวนนี้ 5 คน รวมถึงนายมูเตร็บ และนายอัล-ตูไบกี อัยการเสนอประหารชีวิต ตอนนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาไต่สวนแบบปิดลับที่ซาอุฯ

Saudi Arabia has blamed the killing on 'rogue elements' of the state, but in a damning report, a UN special rapporteur said there is 'credible evidence' linking Crown Prince Mohammed bin Salman to the 'extrajudicial killing'

เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน

สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐ หรือซีไอเอ คาดว่า เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุอุ้มฆ่าหั่นศพนายคาช็อกกี เนื่องจากนายคาช็อกกีเป็นบุคคลที่มักวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯ บ่อยครั้ง ขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงปฏิเสธความเชื่อมโยงดังกล่าวอย่างหนักแน่น

น.ส.แอ๊กเนส กายามาร์ด ผู้เชี่ยวชาญสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ระบุในรายงานการไต่สวนอิสระคดีคาช็อกกี เมื่อเดือนมิถุนายนว่า มีหลักฐานน่าเชื่อถือถึงความเชื่อมโยงของ เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ กับการสังหารนายคาช็อกกี แต่มีการพยายามปกปิดไว้

After Khashoggi was dismembered his body is thought to have been packed into suitcases and carried out of the consulate. It has never been found (pictured, police search for his remains)

รายงานฉบับดังกล่าวสรุปว่า คดีสังหารนายคาช็อกกีเป็นวิสามัญฆาตกรรมซึ่งรัฐซาอุฯ เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการพิจารณาคดีแบบปิดลับกับผู้ต้องสงสัยไม่เปิดเผยชื่อทั้ง 11 คน ของซาอุฯ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และควรหยุดการพิจารณาคดีด้วย เนื่องจากคดีนี้เป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ จึงควรมีการสอบสวนในระดับสากล

น.ส.กายามาร์ดเรียกร้องให้ นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดการสอบสวนอย่างโปร่งใสและระบุทางเลือกกระบวนการยุติธรรม รวมถึงความเป็นไปได้ของศาลเฉพาะกิจ และสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายคาช็อกกีเคยเป็นผู้อยู่อาศัยที่นั่น ควรเปิดการสอบสวนเช่นกัน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องยึดทรัพย์สินส่วนพระองค์ในต่างประเทศของเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด จนกว่าจะมีการพิสูจน์ได้ว่า พระองค์ทรงไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารนายคาช็อกกี

++++++++++++

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน