ซีเอ็นเอ็นรายงานบทวิเคราะห์สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังมีสัญญาณในแง่บวกจากนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือประกาศยกเลิกการทดสอบขีปนาวุธ พร้อมกับจะไปพบปะพูดคุยกับนายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่เขตปลอดทหารหมู่บ้านปันมุนจอม ว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเหตุผล 3 ประการ

หนึ่ง สภาพเศรษฐกิจเกาหลีเหนือกำลังย่ำแย่ จากภาวะที่เปราะบาง

นายวิลเลียม บราวน์ แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในสหรัฐอเมริกา มองว่าการส่งออกของเกาหลีเหนือ ไปยังชาติพันธิมิตรหลักอย่างจีน ที่ลดลงปีต่อปีกว่า ร้อยละ 95 จนกระทั่งมูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 9 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 300 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์

ส่วนนำเข้าก็ลดอย่างมหาศาลไปถึง 103 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 3,244 ล้านบาท และไม่มีการนำเข้าปัจจัยหลักอื่นๆสำหรับเผื่อเหลือใช้สำหรับระยะยาว อย่างน้ำมัน หรือ เครื่องจักรการผลิต

ภาพนายมูน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น / AP Photo/Evan Vucci

นอกจากนี้การทะลักเข้ามาของเงินดอลลาร์ และเงินหยวนในประเทศ ตามตลาดมืด ทำให้เกิดผู้ค้ารายย่อยขึ้นในเกาหลีเหนือ แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องดี แต่กับรัฐแล้วถือว่าอันตราย และเป็นปัญหาอย่างมาก

บรรดาผู้ค้ารายย่อยที่เกิดใหม่จะเป็นตัวทำลายความมั่นคงของเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะแนวทฤษฎีจูเช หรือ กระพึ่งพิงตนเองที่อาจดูด้อยค่าลงไป รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินวอนเกาหลีเหนือ

หากรัฐบาลเปียงยางปล่อย อาจจะทำให้เกาหลีเหนือล่มสลาย ด้วยเหตุนี้เอง คิม จองอึนต้องยอมทดท่าทีอันแข็งกร้าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และยอมเข้าร่วมโต๊ะเจรจา แต่ทำให้เสียหน้าน้อยที่สุดคือการติดต่อผ่านเกาหลีใต้เพื่อเจรจากับรัฐบาลสหรัฐ

มีความเป็นไปได้สูงว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของเกาหลีเหนืออาจจมีผลจากการพูดคุยกับรัฐบาลปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้

สอง การใช้เรื่องอาวุธนิวเคลียร์มาเป็นการต่อรองในเวทีการเมืองระหว่างประเทศสัมฤทธิ์ผลแล้ว

ญอง เอช. ลี ผู้อำนวยการศูนย์ประวัติศาสตร์เกาหลี และ นโยบายสาธารณะ หน่วยงานในมูลนิธิเกาหลี-ฮุนไดมอเตอร์ มองว่า การเรียกร้องความสนใจของเกาหลีเหนือให้ประเทศมหาอำนาจหันหน้ามาคุยในฐานะคู่เจรจา ไม่ใช่มองเกาหลีเหนือเป็นเพียงแค่ลูกไล่ พร้อมบงการผู้นำเกาหลีใต้ อาจถือได้ว่าเป็นชัยชนะของเกาหลีเหนือ

ก่อนหน้านี้ คิม จองอิล และนายคิม อิลซุง ผู้นำสูงสุดรุ่นที่สองและรุ่นแรกไม่เคยจัดการเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐได้ ขณะที่จองอึนเล่นเกมที่เดิมพันสูงมาก โดยการใช้ไพ่อาวุธนิวเคลียร์ในการสื่อกับสหรัฐ และเพิ่มโอกาสในมือต่อการเจรจาในอนาคตกับเกาหลีใต้ และสหรัฐ

สาม คิม จอง อึนกำลังซื้อเวลาเพื่อหนีสงคราม

อดัม เมาต์ นักวิจัยอาวุโส และผู้อำนวยการดีเฟ่น โพสเจอร์ โปรเจ็กต์ จากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน คิดว่ารัฐบาลเกาหลีเหนืออาจจะคำนวนมาแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามขึ้น ซึ่งหนทางที่ดีที่สุดคือการยื้อเวลาจนกกว่าทรัมป์จะสิ้นสุดเทอมแรกของการรับตำแหน่งผู้นำประเทศ อย่างที่เคยแสดงออกมาผ่านการข่มขู่ใช้ขีปนาวุธ ในรูปแบบที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ การซ้อมรบ หรือการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จำพวกยอมหักไม่ยอมงอขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญ

หากมีสงครามเกิดขึ้นจริง เกาหลีเหนือก็จะถูกลงโทษจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมไปถึงสหรัฐ นอกจากนี้บรรดาผู้นำทางการเมืองในเกาหลีเหนือก็จะสูญเสียอำนาจ และชีวิตไปกับสงครามที่เกิดขึ้นด้วย

ดังนั้นเกาหลีเหนือจึงพยายามที่จะหาทางกลับมาลดราวาศอกในเรื่องนิวเคลียร์ หรือการทดลองขีปนาวุธ ในแง่ของสหรัฐ หากเวลาของเกาหลีเหนือหมดลง ทรัมป์ต้องเตรียมฉวยโอกาส และสร้างข้อผู้มัดแก่เกาหลีเหนือ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชาติพันธมิตร ของสหรัฐ ตลอดจนต้องมีการออกข้อตกลงที่เข้มงวดมากขึ้น

นอกจากนี้หากเกาหลีเหนือไม่เดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ใดๆ ในช่วงเวลานี้ ทรัมป์อาจจะเรียกสิ่งนี้ว่าชัยชนะก็ย่อมได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน