ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 50 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 2.5 ล้าน อดีตนายก อบต. ทุ่งมะพร้าว พังงา ฐานความผิดพรากเด็กหญิง 2 รายเพื่อการอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเรา

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2563 นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปฉาว นายกอบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ 14 ปี ภายในรถยนต์ ช่วงต้นเดือนก.ค. 2562

ซึ่งกรณีนี้มูลนิธิ ได้เข้าช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหาย 2 รายเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13ปี และเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ล่าสุด คดีนายศุภศักดิ์ โภคบุตร อดีตนายก อบต.ทุ่งมะพร้าว ศาลจังหวัดพังงานัดฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 เวลา 09.00 น. ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 217/2563

พนักงานอัยการจ.พังงา และโจทก์ร่วม (ผู้เสียหายโดยทนายมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็นทนายโจทก์ร่วม) ระหว่างนายศุภศักดิ์ โภคบุตร จำเลยฐานความผิดพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร

กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีและอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ , กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีและเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็นด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้

จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ระหว่าง ต้นเดือน มิ.ย. 2559 ถึงวันที่ 28 มิ.ย. 2562 เหตุที่ต.ทุ่มมะพร้าว และต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน การที่จำเลยได้กระทำเป็นความผิดต่อกฎหมาย และบทมาตราดังนี้ คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 , 276 , 277 , 279 , 317 ขอศาลได้พิจารณาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย

“ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา รวม 10 กระทง ลงโทษจำคุกจำเลย 324 ปี 3 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง 2 คน คนละ 1 ล้านบาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 5 แสนบาท รวมเงินที่ต้องชดใช้ 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 เม.ย. 63 เป็นต้นไป”

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ทางมูลนิธิเข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย เพราะผู้ก่อเหตุเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่กว้างขวางในพื้นที่ และผู้เสียหายเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ยากลำบากในการต่อสู้ และเราทำงานร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม

กรณีนี้ได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมแล้วและอยู่ในการคุ้มครองพยาน เราทำงานร่วมกับกรมกิจการเด็กและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย ในการเสริมพลังและเยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย

มูลนิธิให้การช่วยเหลือในด้านคดีความโดยการเป็นทนายโจทก์ร่วม ส่วนคำพิพากษาในวันนี้เป็นเพียงศาลชั้นต้น ซึ่งผู้ก่อเหตุก็คงใช้สิทธิในการอุทธรณ์และฎีกาต่อไป นี่เป็นการส่งสัญญาณว่าไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใครมีอิทธิพลแค่ไหน ทุกคนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และไม่ควรมีใครที่จะใช้อำนาจ บารมีในการล่วงละเมิดผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน