พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ. 5 นำแถลงจับยาเสพติดรายใหญ่ ยึดของกลางเฮโรอีน 35 กิโลกรัม พบมีการปรับเปลี่ยนเป็นแบบถุง คล้ายแป้งมัน แทนแบบแท่ง

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ. 5 พร้อมด้วยพล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และพล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ

มีผู้ต้องหา 4 คน คือนายอาทิตย์ จะวอ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 นายจะอื่อ จะทอป่า อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 และนายจะนู (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ส่วนนายอาคาริ จะอื่อ อายุ 24 ปี แต่ผู้ต้องหาที่ 2 หลบหนีไปได้

พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 35 กิโลกรัม รถกระบะ 1 คัน และรถจยย. 1 คัน จับกุมได้ช่วงค่ำวันที่ 9 ตุลาคม 64 ที่สุสานบ้านทุ่งข้าวหลวง ม.5 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมือง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

สืบเนื่องจากสายลับแจ้งว่าเครือข่ายยาเสพนายลี ชาวจีนและเครือข่ายนายจะนะ ไม่ทราบนามสกุล เป็นเครือข่ายยาเสพติดแนวชายแดนรายใหญ่ จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ส่งมอบให้เครือข่ายร่วมขบวนการในพื้นที่อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และส่งต่อไปยังเครือข่ายในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

กระทั่งสืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ซุ่มสังเกตการณ์ กระทั่งพบผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดกำลังยกเฮโรอีนของขึ้นรถที่บริเวณสุสาน ขณะที่ผู้ต้องหาที่ 3 และที่ 4 ทำหน้าที่ดูต้นทางอยู่ที่บริเวณศาลาที่พัก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหาที่ 2 หลบหนีไปได้

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า การที่ตำรวจยึดยาเสพติด เป็นเฮโรอีน จำนวน 35 กิโลกรัม ในครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมตรวจยึดของกลางจำนวนมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมีข้อสังเกตว่าลักษณะการบรรจุหีบห่อแตกต่างไปจากทุกครั้ง เพราะไม่ได้บรรจุเป็นแท่ง แต่บรรจุใส่ถุงเหมือนกับแป้งมันที่ใช้ในการประกอบอาหาร สันนิษฐานว่าน่าจะทำเพื่อให้ง่ายต่อการหลบเลี่ยงและการซุกซ่อน

ซึ่งตามข้อมูลของชุดสืบสวนทราบว่าเฮโรอีนดังกล่าวนี้ลักลอบลำเลียงเข้ามาจากแนวชายแดนอ.แม่อาย และอ.ฝาง เพื่อเข้ามาส่งมอบให้กับเครือข่ายในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นจะส่งต่อไปให้เครือข่ายที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีปลายทางอยู่ในต่างประเทศ

ซึ่งเฮโรอีนจำนวนนี้มีมูลค่าที่ต้นทางภาคเหนือประมาณ 10 ล้านบาท และหากลำเลียงไปถึงพื้นที่ชั้นในประเทศได้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1-2 เท่าตัว แต่ถ้าส่งออกไปต่างประเทศได้ราคาจะเพิ่มขึ้นไปเป็นหลายร้อยล้านบาทถึงพันล้าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน