อุทาหรณ์สลด! พ่อแม่ชาวอังกฤษเผลอหลับ ทิ้งก้นบุหรี่ในบ้าน ด้วยความไม่ระมัดระวัง ดันเกิดเพลิงไหม้ คร่าชีวิตเด็ก 4 คน ซึ่งพบว่ามาจากการสูดดมควันไฟ

เว็บไซต์ เดอะ ซัน นำเสนอข่าว อุทาหรณ์สลด พ่อแม่รายหนึ่งสูบบุหรี่ในบ้านและทิ้งก้นบุหรี่อย่างไม่ระมัดระวังในบริเวณตัวบ้าน จนเกิดเพลิงลุกไหม้ และเกิดควัน ทำให้เด็ก 4 คนเสียชีวิตจากการสูดดมควันไฟ ซึ่งมีการเรียกไต่สวนคดีในศาลเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โศกนาฎกรรมนี้ เกิดขึ้นใน เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2562 โดยเด็กทั้ง 4 คน ได้แก่ ไรลี่ย์ , คีแกน, ทิลลี่ และ โอลี่ ถูกชันสูตรว่าเสียชีวิตจากการสูดดมควันไฟ จากการเกิดเพลิงไหม้ที่บ้านในเมืองสตาฟฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

นาตาลี ยูนิตต์ แม่ของเด็ก ๆ กล่าวกับการไต่สวนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานจากโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) จนทำให้ความทรงจำในช่วงดังกล่าวขาดหายไป ส่วนคริสโตเฟอร์ มอลตัน ผู้เป็นพ่อเชื่อว่าเพลิงไหม้ดังกล่าว เกิดจากการที่หม้อน้ำระเบิด และพวกเขาทั้งคู่พยายามเข้าไปช่วยชีวิตลูก ๆ แล้ว แต่ช่วยได้เพียง แจค ลูกคนเล็กสุด แต่ไม่สามารถไปช่วยลูกคนอื่น ๆ ได้ทัน เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้จนเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้

ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ ศาลการแจ้งมาว่าก่อนหน้านี้ นาตาลี และ คริสโตเฟอร์ เคยได้รับคำเตือนเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในบ้านมาแล้วจากนักสังคมสงเคราะห์ ทั้งนี้มีการพบก้นบุหรี่ในหลายบริเวณของบ้าน เช่น บริเวณบานหน้าต่าง ที่พื้นของบ้าน ห้องนั่งเล่น โดยในพรมของห้องนั่งเล่นพบก้นบุหรี่จำนวนมาก และภายนอกหน้าต่าง บริเวณห้องครัว มีก้นบุหรี่ที่ทิ้งแล้วเกิน 100 มวน จึงทำให้ทราบว่า ทั้งคู่มักสูบบุหรี่ภายในตัวบ้านเป็นประจำ จากการตรวจสอบห้องนอนใหญ่พบว่ามีที่เขี่ยบุหรี่อยู่บนพรมซึ่งอยู่ติดกับเตียง ภายในที่เขี่ยบุหรี่นั้นมีเศษก้นบุหรี่

แม้ว่า คริสโตเฟอร์จะอ้างว่าเพลิงไหม้เกิดจากหม้อน้ำระเบิด แต่จากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเกิดจากบุหรี่ที่ถูกทิ้งอย่างไม่ระมัดระวังในห้องนอน จนเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้และคร่าชีวิตลูกทั้ง 4 คน ดังกล่าว ทั้งนี้ ในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ มีผู้นำตุ๊กตามาวางจำนวนมาก เพื่อไว้อาลัยแก่เด็กทั้ง 4 คนที่เสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าว ถือเป็นอุทาหรณ์ให้คนทิ้งก้นบุหรี่อย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะไม่เกิดเหตุการณ์สูญเสียที่น่าสะเทือนใจเช่นนี้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน