‘สทาศิวะ’ ไม่ใช่ ‘ตรีมูรติ’

ที่ว่าพากันไปไหว้พระตรี มูรติที่ห้างใหญ่ แต่กลับไม่ใช่ ตรีมูรติ เป็นเทพองค์ไหนครับ ให้พรเรื่องความรักจริงหรือ

นายยุ่ง

ตอบ นายยุ่ง

มติชนรายงานโดยอ้างอิงบทความของ คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร และคอลัมนิสต์มติชน เรื่อง “เนื่องในวันวาเลนไทน์ กุหลาบแดงและความรัก : มาเข้าใจ “พระตรีมูรติ/สทาศิวะ” กันใหม่อีกสักครั้ง” ดังนี้

“ที่จริงมีผู้เขียนเรื่อง “พระตรีมูรติ” ที่หน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมืองไว้หลายครั้งแล้ว เช่น อาจารย์ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ซึ่งท่านก็ยืนยันหนักแน่นว่า เทพองค์นั้นไม่ใช่พระตรีมูรติอย่างที่คนเข้าใจกัน

ผมก็อยากจะมาช่วยยืนยันอีกเสียงว่า โดยประติมานวิทยา (วิชาว่าด้วยลักษณะของเทวรูป) แล้ว ต้องถือว่าที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ไม่ใช่ “พระตรีมูรติ” อย่างที่เรียกขานกัน แต่เป็น รูปเคารพของ “พระศิวะ” ในปางที่เรียกว่า “สทาศิวะ” หรือ พระปัญจมุขี (แปลว่า ห้าหน้า)”

อาจารย์คมกฤชบรรยายว่า พระสทาศิวะ เป็นรูปพระศิวะที่ปรากฏห้าเศียร ซึ่งปกติเราคุ้นเคยแต่พระศิวะที่มีเศียรเดียว รูปเคารพนี้พัฒนาขึ้นในอินเดียใต้ จากหลักปรัชญาความคิด ของสำนักไศวสิทธานตะ ที่นับถือพระศิวะเป็นพระเจ้าสูงสุด

รูปพระตรีมูรติที่เรียกๆ กันนั้น หากสังเกตดูจะพบว่า มีห้าเศียร มีพระจันทร์เป็นปิ่นที่เศียรบนสุด และแต่ละเศียรมีดวงตาที่สามบนพระนลาฏ ตรงตามรูปแบบของพระศิวะทุกอย่าง เว้นแต่อาวุธและของต่างๆ ในพระกรถูกเอาออกจนหมด

การมีห้าเศียรนั้น แต่ละเศียรมีพระนามต่างๆ กันออกไป คือ อีศานะ ตัตปุรุษะ วามเทวะ อโฆระ และสัตโยชาตะ ซึ่งล้วน เป็นพระนามและองค์คุณของพระศิวะ

พระเศียรทั้งห้าสะท้อนภาวะห้าของจักรวาล ธาตุทั้งห้า (ดิน น้ำ ไฟ ลม อวกาศ) สะท้อนกิจกรรมทั้งห้าของพระเจ้า คือ สรรค์สร้าง รักษา ทำลาย ปลดปล่อย และสร้างมายาภาพ (ลวง) สีทั้งห้า นิกายทั้งห้า (ของพวกที่นับถือพระศิวะ) ฯลฯ

ดังนั้น ชาวไศวะสิทธานตะจึงถือว่านี่คือรูปสูงสุดของพระศิวะ และเมื่อความเชื่อนี้แพร่หลายเข้ามายังอุษาคเนย์ ก็ปรากฏรูปเคารพของพระสทาศิวะในดินแดนแถบนี้ด้วย ของบ้านเราก็มี และ คงเป็นที่นิยมมาจนถึงสมัยอยุธยา

พระสทาศิวะเกี่ยวอะไรกับความรัก ก็ต้องบอกว่า “ไม่” คนฮินดูเขาเอาความรักไปผูกไว้กับ “กามเทพ” โน่น แต่ก็เป็นในเชิงอุปมาอุปไมยในทางกวีเสียมาก แถมพระศิวะก็เป็นศัตรูกับกามเทพ เพราะกามเทพเคยมาพยายามทำให้พระองค์ตกหลุมรักพระแม่ปารวตี พระกามเทพจึงโดนไฟกรดจากเนตรที่สาม ของพระศิวะเผาจนเป็นจุณมหาจุณ พระศิวะจึงมีอีกพระนามว่า ผู้เผากามเทพ

ตำนานตอนนี้สะท้อนว่า ที่จริงแล้ว พระศิวะในฐานะฤๅษี กำลังเผา (ตปัสหรือตบะ) กามราคะให้มอดไหม้ไป เพราะพระองค์ต้องการบำเพ็ญพรตนั่นเอง แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังมีคู่ครอง เป็นกึ่งคฤหัสถ์ กึ่งนักบวช (ตามเทวตำนาน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน