เรื่องราวจะลุกลามบานปลายกลายเป็นคดีความหรือไม่
กรณีเด็กชายวัย 8 ขวบ ร่างอวตารนาคานาคราช บุตรพระศากยมุนี เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของบรรดาผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางในสังคม
ปรากฏการณ์นี้มีทั้งผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เกิดวิวาทะต่างๆ มากมายในสื่อสังคมออนไลน์
ล่าสุดเรื่องใหญ่โตไปถึงตำรวจ โดยมีกลุ่มคนไปยื่นเรื่องขอให้สืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นการหาประโยชน์ ทั้งการระดมทุน เรี่ยไร แอบอ้างบิดเบือนหลักศาสนาหรือไม่
รวมถึงต้องการให้สหวิชาชีพเข้าไปสอบปากคำเยาวชน และกลุ่มบุคคลแวดล้อม ทั้งผู้ปกครองเด็ก และคณะผู้จัดงานอบรมวิปัสสนากรรมฐาน การเผยแผ่ธรรมะต่างๆ
โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการนำเด็กเยาวชนมาแสวงหาประโยชน์หรือไม่ เพราะเด็กมีกฎหมายคุ้มครอง
ขณะที่กลุ่มเห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่แวดล้อมตัวเด็ก ก็ไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจเช่นกัน เนื่องจากถูกบิดเบือนใส่ร้ายเสียหาย มีการตัดต่อภาพโจมตีเด็ก
Advertisement
รวมทั้งมีข้อความลักษณะคุกคามเด็กและครอบครัว
พร้อมกับชี้แจงเรื่องการเรียกเก็บเงินจากการอบรมที่เด็กเป็นวิทยากร เพราะมีค่าใช้จ่ายเรื่องสถานที่ ค่าอาหาร ที่พัก แต่ภายหลังได้นำเงินไปสมทบสร้างสถานปฏิบัติธรรม
ขณะนี้ตำรวจรับเรื่องไว้ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตามข้อสังเกตต่างๆ เช่น การโพสต์โฆษณาเชิญชวนมีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กหรือไม่
รวมถึงอาจต้องเชิญพ่อแม่เด็กมาสอบปากคำด้วย
ตำรวจระบุด้วยว่าแม้กลุ่มที่มาร้องเรียนไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความผิดต่อรัฐ เจ้าหน้าที่ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้เอง
หรือกรณีเป็นความผิดส่วนตัว มีผู้เสียหายจากการกระทำนั้นก็ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
กรณีเด็ก 8 ขวบร่างอวตารเชื่อมจิต ไม่ว่าจะลงเอยเช่นไร แต่สิ่งหนึ่งที่สังคมส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วง
คือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ใหญ่ทั้งหลายจะต้องตระหนัก คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเด็กให้มากที่สุด
ข้าวตอกแตก