การเมืองมีความคมชัดมากขึ้นว่าจะมีการยุบสภาในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้ หรือ 3 วันก่อนสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะครบวาระวันที่ 23 มีนาคม

กระบวนการตัดสินใจในการยุบสภาเป็นอํานาจ เด็ดขาดของนายกรัฐมนตรี ในการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ประชาชนทราบ

ส่วนเหตุในการยุบสภา รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติเหตุการณ์ไว้ ซึ่งในทางปฏิบัติมีหลายสาเหตุ โดยพิจารณาถึงประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายกรัฐมนตรีสามารถอ้างเหตุผลใดก็ได้ในการ ยุบสภาก่อนครบวาระ โดยให้เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 103 วรรคสอง หลักคือการกําหนดวัน ยุบสภา

จะต้องสัมพันธ์กับการกําหนดวัน เลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.

การยุบสภาต้องสัมพันธ์กับวันเลือกตั้งกล่าวคือ ภายใน 5 วันนับแต่วันที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ให้ กกต.ประกาศกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่มีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ

หากประกาศยุบสภาวันที่ 20 มีนาคม กกต.ก็ต้อง กําหนดวันเลือกตั้งภายในไม่น้อยกว่า 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน โดยอาจจะกําหนดให้เป็นวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม อย่างที่เริ่มมีกระแสข่าวใหม่ก็ได้

และที่สำคัญ กรณีเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ผู้สมัครส.ส.ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียว เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง ตามมาตรา 97(3)








Advertisement

ดังนั้น ในกรณียุบสภาวันที่ 20 มีนาคม ผู้สมัครส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายใน วันที่ 14 เมษายน

การประกาศยุบสภาก่อนครบวาระไม่กี่วัน ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติทางการเมือง ในอดีตเคยมีผู้นำรัฐบาลทำเช่นนี้มาแล้ว

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นบุคคลหนึ่งเดียวในบัญชีแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อกลับมาครองอำนาจสมัยที่ 3 ต่อเนื่องปี 2557 และ 2562

และจากเดดไลน์ผู้สมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรคเดียวติดต่อกัน 30 วัน ภายในวันที่ 14 เมษายน ทำให้นับจากนี้ยังต้องจับตาปรากฏการณ์นักการเมืองบ้านเล็ก บ้านใหญ่ บ้านใหม่เคลื่อนไหวย้ายพรรคอีกระลอก ตามอุดมการณ์ ตามพลังดูดหลากหลายรูปแบบ

ประชาชนจะต้องช่วยกันจับตามองปรากฏการณ์เหล่านี้ เพื่อตัดสินใจในวันเลือกตั้ง โดยเน้นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์เป็นสำคัญ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน