เผยเหตุผลปิดห้าง 2 ทุ่ม พรุ่งนี้เปิดใช้แอพฯ ไทยชนะ ต้องมีก่อนเดินช็อป ส่วนผ่อนปรนระยะ 3 เป็นเรื่องที่รอการพิจารณา ทั้งโรงภาพยนตร์ ผับบาร์ สถานบันเทิง

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่า

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

สำหรับประเด็นเปิดห้างสรรพสินค้าในวันที่ 17 พ.ค.นั้น ช่วงห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จากเดิมที่เริ่มเวลา 22.00 น. เปลี่ยนเป็นตั้งแต่เวลา 23.00 น. ไปยังสิ้นสุดเวลา 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น

สำหรับกรณีห้างสรรพสินค้านั้น แม้ภาคเอกชนเสนอขอเปิด-ปิดเวลา 10.00- 21.00 น. แต่ที่ประชุมศบค.เห็นว่า ให้เปิด-ปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. เพราะจำเป็นต้องให้พนักงานห้างสรรพสินค้ามีเวลาเดินทางกลับบ้านก่อนถึงช่วงเคอร์ฟิว

ทั้งนี้ ไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เข้าไปในห้างสรรพสินค้า แต่กำหนดให้ผู้ที่จะเข้าห้างหรือเข้าไปในร้านต่างๆ ในห้าง ทุกคนต้องลงทะเบียนก่อนเข้า และต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข แต่ไม่ได้กำหนดเรื่องความหนาแน่นภายในร้านค้า หรือภายในห้าง ว่าต้องมีกี่คนต่อตารางเมตร แต่พิจารณาตามความเหมาะสม

สำหรับแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ที่ให้ประชาชนใช้ลงทะเบียนก่อนเข้าห้างหรือร้านค้าในห้างนั้น นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เปลี่ยนโลโก้ ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดตัวใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ได้ในวันที่ 16 พ.ค. เพราะการผ่อนปรนให้ห้างเปิดได้จะมีผลวันที่ 17 พ.ค.

รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า การผ่อนปรนระยะที่ 2 เป็นผลจากการประเมินโดยกระทรวงสาธารณสุขที่ดูจากยอดผู้ติดเชื้อสะสมที่ลดลง และอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถผ่อนปรนระยะที่ 2 ซึ่งถือว่าผ่อนปรนค่อนข้างมาก ส่วนการผ่อนปรนระยะที่ 3 รอการพิจารณาในโอกาสต่อไป เช่น โรงภาพยนตร์ ผับ บาร์ สถานบันเทิง ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี

เมื่อถามว่าร้านนวดในห้างสรรพสินค้าเปิดได้ด้วยหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ร้านนวดถูกจัดอยู่ในกลุ่มกิจการและกิจกรรมที่จะได้รับการผ่อนปรนระยะ 3 แต่ให้ร้านนวดสามารถเปิดบริการส่วนนวดเท้าได้อย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการร้านนวดบอกว่า เขาเคยเปิดบริการนวดตัวและนวดเท้า ถ้าให้เปิดนวดเท้าได้อย่างเดียวก็ไม่คุ้มที่จะกลับมาเปิดกิจการ

ส่วนร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดให้บริการได้ แต่จำกัดเวลาให้บริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อลูกค้า 1 คน

นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รายงานผลการประเมินกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน ระยะที่ 1 ให้ที่ประชุมศบค.ได้รับทราบ พบว่ามีกิจการร้านค้า 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ศบค. เหลือ 20 กว่าเปอร์เซ็นตที่ยังต้องปรับปรุง ซึ่งมีทั้งร้านอาหารบุฟเฟต์และร้านอาหารขนาดเล็ก ที่ยังเว้นระยะห่างไม่เพียงพอหรือไม่มีฉากกั้น

ทั้งนี้ ร้านใดถูกตรวจพบว่าฝ่าฝืนหรือไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินข้อปฏิบัติด้านสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถสั่งปิดร้านนั้นได้ทันที ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ และศบค.ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากประเมินไปอีก 14 วันนับจากนี้แล้วพบว่าสถานการณ์เบาลง การผ่อนปรนระยะที่ 3 จะตามมา และถ้าดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติในระยะที่ 4

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน