‘สรยุทธ’ ฟาดกลับ ที่ปรึกษาศบค. ปมข่าว 3 ผู้ป่วยโควิด ฉะโพสต์แบบนี้เพื่ออะไร ไม่อยากคิดจับผิดการทำงานสื่อหรือไม่ ควรให้กรณีนี้เป็นบทเรียน

เมื่อวันที่ 28 ก.ค.64 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อความในเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ถึงกรณีผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์ข้อความพาดพิงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit ถึงเหตุการณ์ผู้ป่วยโควิด 3 คน โดยระบุข้อความว่า “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป ไม่ทราบคุณสรยุทธเอาข้อมูลนี้มาจากไหนอะครับ ผมดูคลิปของไทยรัฐและในโพสต์ของกลุ่มเส้นด้ายแล้วก็ไม่เห็นมีนะครับ”

โดยนายสรยุทธ โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์ตั้งคำถามนี้ เพื่ออะไรครับ

โพสต์นี้ที่อ้างเอามาตั้งคำถาม ผมลงตอนเที่ยงคืน 9 นาทีของคืนก่อน หลังได้รับทราบข่าวนี้ และทีมข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฎตาม “คลิปภาพและเสียง” ของลูกชายวัย 42 ปีของคุณพ่ออายุ 63 ปี และคุณปู่วัย 93 ปี ในค่ำคืนวันนั้น

รวมทั้งนักข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้น โดยสัมภาษณ์ญาติ (ลูกสาวอีกคน) ของครอบครัวนี้ ที่ได้รับแจ้งว่าคุณลุงทั้ง 3 คนไปนั่งรออยู่ริมถนนกลางดึก ได้อย่างไร ปรากฎตามคลิป

ประโยคที่ถามผมว่า “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป” เอามาจากไหน ก็จับใจความมาจากทั้ง 2 คลิปนี้ครับ เข้าใจความหมายมั้ยครับ “ส่งแค่นี้ … แล้ว (เจ้าหน้าที่) ก็ไป” รู้จักการสื่อสารแบบจับใจความมั้ยครับ สื่อถึงขนาดต้องจับคำพูด “ตรงเป๊ะ” มานำเสนอเท่านั้นหรือครับ

การตั้งคำถามนี้คงเพราะหนึ่งไม่ได้ดูรายการในเช้าวันต่อมา ซึ่งนำเสนอข้อเท็จจริงนี้อย่างครบถ้วน ปรากฏในคลิปรายการที่ดูยัอนหลังได้ 2.ผลจากการตั้งคำถามนี้ ย่อมทำให้คนที่อาจไม่ได้ติดตามข่าวนี้จากรายการ มองผมในแง่ร้าย และย่อมทำให้เกิดความเสียหาย โดยประการที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง

ไม่อยากจะคิดว่า จะจับผิดการทำงานสื่อใช่มั้ยครับ ทำเพื่ออะไรครับ และทำในนามส่วนตัว หรือในนามที่ปรึกษาด้านสื่อของ ศบค.ครับ

การเอาโพสต์ของผมที่โพสต์ไว้ตั้งแต่หลังเกิดเหตุทันที แล้วเอามาตั้งคำถามในภายหลัง แบบพยายามจะจับคำพูดแบบนี้ เป็นธรรมหรือเปล่าครับ

คืนวันนั้น มีเสียงลูกชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกในคลิปด้วยว่า “ทหาร” มาส่ง แต่เมื่อไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นความเข้าใจผิด เมื่อยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ผมก็ให้ดูดเสียงคำนี้ออก และไม่ได้พูดในรายการเลยว่าหน่วยงานไหน เพื่อให้ความเป็นธรรมในเบื้องต้นด้วย

หลังเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจง มีคลิปเสียงชายคนเดิม ขอโทษเจ้าหน้าที่สรุปว่า รถวิ่งเลยไป เลยขอลงเอง ข้อนี้ บอกตรงๆ นะครับ ปกติจะต้องขยายให้ข้อเท็จจริงปรากฎ 2 ด้านว่า ลูกสาวกับเจ้าตัวเองในคืนนั้นพูดว่าอย่างไร แต่ผมเห็นว่าในยามวิกฤต ควรจะให้กรณีนี้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขยายให้เรื่องลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง เมื่อต้องร่วมกันแก้ปัญหา

ที่สำคัญ ด้วยความเคารพนะครับ ตามหลักการควบคุมโรคระบาด ต่อให้ผู้ป่วยโควิด ทั้ง 3 ราย “ขอลงเอง” ก็ยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ เพราะเป็นผู้ติดเชื้อโรคระบาด ยิ่งเป็นผู้สูงวัย ขนาด 93 , 63 ปี ในยามค่ำคืนแบบนั้น
ย้ำนะครับ สื่อมีหน้าที่สะท้อนปัญหาตามความเป็นจริงในสังคมครับ

ในวิกฤตโรคระบาด ร่วมแรงร่วมใจกันทำความเข้าใจกับประชาชน ช่วยเหลือประชาชนดีกว่ามั้ยครับ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน