หมอแจงกินน้ำอัดลม ไม่ดื่มน้ำเปล่า ไม่ใช่ปัจจัยหลัก “โรคหลอดเลือดสมอง” แต่เป็นสาเหตุโดยอ้อม เหตุมีน้ำตาลมาก ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มความเสี่ยงได้

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2565 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีการแชร์ข่าวไม่ดื่มน้ำเปล่าทำให้เป็นอัมพาตหรือโรคหลอดเลือดสมอง ดื่มน้ำอัดลม นมเปรี้ยว น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพฤกษ์อัมพาต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด

ทั้งนี้โรคหลอดเลือดสมองพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่อาจพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด หรือพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อการอักเสบในระบบประสาทส่วนกลาง

“การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้แทนน้ำ อาจเป็นสาเหตุโดยอ้อม เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้

สำหรับอาการของโรคหลอดเลือดสมองมักไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า หากมีอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกข้างใดข้างหนึ่ง พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มองไม่ชัด โดยเป็นทันทีทันใด ควรรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที หรือโทรแจ้งสายด่วน 1669” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

ด้านนพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันมีเครือข่ายโรคหลอดเลือดสมองครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งรพ.รัฐขนาดเล็กขนาดใหญ่ และรพ.เอกชน สามารถให้การดูแลตามมาตรฐานของการรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้ทั่วประเทศ ที่สำคัญที่สุดคือทุกการตรวจรักษาสำหรับโรคหลอดเลือดสมองชนิดเฉียบพลันไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับคนไทยทุกสิทธิการรักษา

เพราะถือเป็นอาการป่วยฉุกเฉินที่ได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ถ้าผู้ป่วยมาทันในเวลาที่กำหนด จะได้รับการรักษาด้วยยาฉีดสลายลิ่มเลือด หากฉีดยาสลายลิ่มเลือดไม่ได้ เนื่องจากเกินกำหนดเวลา หรือฉีดยาแล้วไม่สามารถเปิดหลอดเลือดแดงใหญ่ได้ ผู้ป่วยจะได้รับการพิจารณารักษาด้วยการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดต่อไป

“แม้ว่าไม่สามารถทำการรักษาชนิดนี้ได้ในทุกจังหวัด แต่เครือข่ายโรคหลอดเลือดสมองที่กระจายอยู่ ทั่วประเทศ สามารถติดต่อเพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ทั่วประเทศ โดยกระบวนการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยก้าวหน้าและครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว

แต่สิ่งที่จะทำให้รักษาได้ผลดีที่สุด ผู้ป่วยอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติมากที่สุด คือการไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเมื่อเกิดอาการ เพราะทุกวินาทีที่ช้าออกไป เซลล์สมองที่ขาดเลือดไปเลี้ยงจะเสียหายมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะโรคหลอดเลือดสมอง เร็วก็รอด ปลอดอัมพาต” นพ.ธนินทร์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน