เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มิ.ย. ภายหลังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ตัดสินว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กรณีบุกเผาทำลายบ้านเรือนชุมชนของกะเหรี่ยงบางกลอยบน-ใจแผ่นดินนั้น โดยศาลให้เพิ่มเงินชดเชยจากครอบครัวละ 10,000 บาท เป็น 40,000 – 50,000 บาท ส่วนกรณีชาวบ้านขอกลับคืนอยู่ที่เดิมนั้นศาลไม่อนุญาต เนื่องจากไม่มีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย

อ่าน – (“ปู่คออี้” เศร้าศาลไม่ให้กลับคืนถิ่นเกิด แต่ชี้เจ้าหน้าที่บุกเผาบ้าน ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ )

ตัดสินคดีปู่คออี้

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 อุดรธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวภายหลังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่า น้อมรับคำพิพากษาที่ให้จ่ายค่าชดเชยเพิ่มจากรายละหมื่นบาทเป็นห้าหมื่นบาทเศษ โดยในคำพิพากษาศาลระบุว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 22 ของพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติปี 2504 ดำเนินการโดยชอบแล้ว แต่อาจมีความผิดพลาดในขั้นตอนปฏิบัติซึ่งถือเป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบในเรื่องของเอกสาร มีการปิดประกาศ แจ้งเตือน การจะไปบอกโดยปากเปล่าคงไม่สามารถทำได้อีก

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าจำเป็นต้องขอโทษชาวปกาเกอะญอ เพราะเป็นผู้ที่บุกรุกผืนป่า และศาลปกครองสูงสุดก็ชี้ขาดแล้วว่าบุกรุกจริง ไม่ให้กลับไปอยู่ในพื้นที่เดิมอีก การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จึงเป็นการรักษาธรรมชาติ และพร้อมที่จะถูกสอบวินัยกรณีที่ทำให้รัฐเสียหายจากการต้องจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว อีกทั้งหากมีการนำเรื่องไปฟ้องศาลอาญาก็พร้อมสู้คดีต่อไป

“ขอโทษคงไม่ขอโทษ คิดว่าเรื่องนี้ใครก็รู้ว่าใครบุกรุกป่า คำพิพากษาวันนี้ผมภูมิใจที่ต่อไปจะไม่มีใครสามารถบุกรุกป่าแก่งกระจานได้อีกแล้ว โดยเฉพาะ 6 คนนี้ ซึ่งในส่วนของผมทำอย่างเต็มความสามารถที่สุดแล้ว และผมคิดว่าคนที่ฟ้องกรม อุทยานฯก็รู้ดีว่าตัวเองมีความผิดหรือไม่” นายชัยวัฒน์กล่าว

 

อ่านข่าวประกอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน