รอมา 4 ปี! ปปท. เตรียมชี้มูลจนท.โยง คดี บิลลี่ หายลึกลับ แต่คดีเผาบ้าน ปู่คออี้ ยังเงียบ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายสุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน สภาทนายความ พร้อมด้วยน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ และน.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ

เข้าพบ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีการหายตัวไปของบิลลี่และความคืบหน้าคดีการวางเพลิงเผาบ้านนายโคอิ มีมิ หรือปู่คออี้

จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2558 น.ส.พิณนภา ส่งหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อให้สอบสวนเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้นนำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กรณีจับกุมนายพอละจี เนื่องจากมีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง แต่ไม่ส่งตัวนายพอละจีให้พนักงานสอบสวน แต่กลับปล่อยตัวไป ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นนายพอละจีอีกเลย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ต่อมา ป.ป.ท. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนการหายตัวไปของนายพอละจีขึ้น ซึ่ง น.ส.พิณนภา ได้ติดตามความคืบหน้าของการสอบสวนดังกล่าวมาโดยตลอด ทราบว่าคณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบคำให้การเพิ่มเติมกับทั้ง 3 ปาก โดยครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้รับการชี้แจงจาก ป.ป.ท. ว่าได้ไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งผู้ร้อง และผู้ถูกร้องเสร็จสิ้นแล้ว โดยทางคณะอนุกรรมการไต่สวนจะส่งสำนวนพร้อมสรุปความเห็นเสนอให้คณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาลงมติชี้มูลว่า มีการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่ ในวันที่ 26 ส.ค.62 นี้ และจะแจ้งมติการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบโดยเร็ว

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กรณี นายโคอิ มีมิ หรือปู่คออี้ แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพร้อมพวก วางเพลิงเผาทรัพย์บ้านเรือนที่พักอาศัยตั้งแต่ปี 2554 ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2558 และสำนวนถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ภาค 7 และคณะกรรมการบริหารพิจารณา และมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนรับผิดชอบคดีดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2559

ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าจากคณะอนุกรรมการ ทั้งที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาชัดเจน ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.61 ว่า หมู่บ้านใจแผ่นดินและบางกลอยบนที่ปู่คออี้อยู่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อยู่มาเนิ่นนานแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เผาทำลายบ้านเรือนและทรัพย์ของปู่คออี้จริง เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้กรมอุทยานแห่งชาติฯชดใช้ค่าเสียหายให้กับนายคออี้และพวก

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ว่า ขอให้ทางป.ป.ท.เร่งรัดการดำเนินการทั้งสองคดี ซึ่งล่าช้ามามากแล้ว อีกทั้งป.ป.ท. มีอำนาจชี้มูลเพียงการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาเท่านั้น ในส่วนของการกักขัง หน่วงเหนี่ยว การควบคุมตัว การฆ่าผู้อื่น วางเพลิงเผาทรัพย์ และความผิดอื่นๆ ต้องถูกส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาส่งต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อไป ซึ่งปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษมีมติรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการแล้ว

ด้าน น.ส.พิณนภา กล่าวว่า รอมา 5 ปีแล้ว คดีล่าช้ามาก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีมติที่ประชุมออกมาให้ทราบเลย ทั้งที่ติดตามความคืบหน้าตลอด อยากขอความเป็นธรรมให้กับบิลลี่และครอบครัวด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน