พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์

คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง

พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ – สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน พระผงวัดโพธิ์ท่าเตียน หรือที่คนในยุคเก่าๆ จะเรียกว่า “พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์” ในปัจจุบันอาจจะลืมเลือนกันไปบ้าง ไม่ค่อยได้มีใครพูดถึง แต่ความเป็นจริงเป็นพระที่ดังมากในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่กล่าวขวัญกันมาอีกนาน จากอภินิหารต่างๆ ของพระวัดโพธิ์นี้ แต่ประวัติความเป็นมาและพระเกจิอาจารย์ผู้สร้างน้อยคนที่จะรู้

พระผงอัฐิวัดโพธิ์ท่าเตียน สร้างขึ้นเมื่อตอนสงครามอินโดจีนต่อกับสงครามโลกครั้งที่สอง ในครั้งนั้นวัดต่างๆ ก็สร้างวัตถุมงคลเพื่อให้แก่ทางการ เพื่อแจกจ่ายให้กับทหารตำรวจและประชาชน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและปกป้องคุ้มครองภัย วัดโพธิ์ก็เป็นวัดหนึ่งที่สร้างวัตถุมงคลในครั้งนั้น พระผงอัฐิ วัดโพธิ์ฯ สร้างโดยพระอาจารย์หนู

ซึ่งท่านเป็นพระที่เดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์ ท่านเป็นพระที่มีอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางด้านแพทย์แผนโบราณ ท่านจะเลี้ยงว่านต่างๆ ไว้มากมาย ในสมัยนั้นจะมีผู้คนไปให้พระอาจารย์หนูช่วยปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัย และไปขอให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ อีกทั้งไปขอวัตถุมงคลต่างๆ จากท่านมากมาย

ประมาณปี พ.ศ.2485 ท่านพระอาจารย์หนูเห็นว่าประเทศไทยเดือดร้อน เนื่องจากฝ่ายพันธมิตรมาทิ้งระเบิดใส่ฐานทัพญี่ปุ่นในประเทศไทยหลายครั้ง สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ประชาชนก็ได้รับผลกระทบไปด้วย มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจากลูกหลงหลายราย ท่านจึงได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนนำไปคุ้มครองป้องกันตัว พระอาจารย์หนูเป็นพระที่มีวิชาอาคมมาก ท่านได้สร้างพระเครื่องขึ้นโดยผิดแปลกแตกต่างไปจากทั่วๆ ไป

โดยท่านได้นำเอาเถ้ากระดูกของคนตายมาเป็นส่วนผสมเนื้อในการสร้างพระเครื่องของท่าน ซึ่งผู้สร้างจะต้องมีวิชาอาคมแก่กล้ามากๆ เนื่องจากจะมีแรงอาถรรพ์อยู่ในตัว โดยพระอาจารย์หนูจะเก็บรวบรวมผงเถ้าอัฐิจากเชิงตะกอน โดยพระอาจารย์หนูจะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้งตามวิชาที่ท่านเรียนมา

นอกจากนี้ ท่านยังได้นำว่านโพงมาบดผสมเข้าไปด้วย ส่วนว่านโพงนี้ชาวบ้านจะเรียกกันว่าว่าน “กระสือ” เชื่อว่ามีอาถรรพ์มากมักขึ้นอยู่ในป่าลึก หากมีสัตว์พลัดหลงเข้าไปในบริเวณดงว่านชนิดนี้ จะถูกดูดกินเลือดจนตาย คนที่มีวิชาอาคมมักจะนำว่านชนิดนี้มาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน

การที่พระอาจารย์หนูได้นำวัตถุอาถรรพ์ที่ดูๆ แล้วน่ากลัวมาสร้างพระนั้น ท่านก็ได้มีการพลีกรรมต่างๆ อย่างถูกต้องตามตำรา สำหรับผู้ที่ใช้พระเครื่องของท่านกลับได้แต่ผลดี และได้ผลในด้านคุ้มครองป้องกันตัว แม้แต่มีอยู่ในบ้านขโมยเข้ามายังสติฟั่นเฟือนไปเลย อานุภาพคล้ายๆ กับประเภทเครื่องรางของขลังต่างๆ

พระเครื่องของท่านนั้นเฮี้ยนมาก เห็นผลกันทุกราย เรื่องเล่ามากมายจากผู้ใหญ่เขาคุยกันหรือเล่าให้ฟัง มีทั้งที่ผู้ที่ห้อยคออยู่ไปไหนมาไหนตอนกลางคืนจะมีคนเห็นมีคนเดินมาด้วยหลายคน เช่น คนขี่รถสามล้อขี่รถออกหาเงินก็ไม่มีใครเรียก กลับไปเรียกคันหลัง เนื่องจากเขาเห็นมีคนนั่งอยู่ในรถแล้ว

มีอยู่เรื่องหนึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งห้อยพระผงกระดูกผีติดตัว ไปจีบสาวสวยต่างบาง และสาวผู้นี้ก็มีหนุ่มหมายปองอยู่หลายคน รวมทั้งหนุ่มๆ เจ้าถิ่นด้วย แต่สาวเจ้าก็ดูจะชอบหนุ่มต่างถิ่นคนนี้ ทำให้พวกเจ้าถิ่นไม่พอใจ วันหนึ่งจึงดักจะทำร้าย บ้านของสาวเจ้าก็อยู่เข้าไปในซอยลึกหลังวัด และทางก็ค่อนข้างเปลี่ยว

ในเวลากลางคืน พวกของเจ้าถิ่นก็มาซุ่มคอยดักทำร้ายในเวลากลางคืนที่เจ้าหนุ่มต่างถิ่นเดินกลับออกมา ปรากฏว่าพวกที่มาดักทำร้ายนั้นไม่กล้าทำอะไร ได้แต่แอบซุ่มอยู่อย่างนั้น เพราะว่าเจ้าหนุ่มต่างถิ่นเดินกันมาหลายคน และคนที่มาด้วยท่าทางหน้าตาดูดุดันทุกคน ทั้งๆ ที่หนุ่มต่างถิ่นมาคนเดียวแท้ๆ

เรื่องมารู้กันภายหลังจากที่หนุ่มต่างถิ่นแต่งงานกับสาวสวยไปแล้ว และต่อมาได้มาเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าถิ่น จึงได้พูดคุยกันและรับสารภาพว่าในวันนั้นเคยจะซุ่มดักทำร้าย และถามว่าวันนั้นไปยกพวกมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งๆ ที่เห็นว่าตอนนั้นมาคนเดียว หนุ่มต่างถิ่นก็งงๆ อยู่และตอบตามความจริงว่ามาคนเดียวจริงๆ แต่พวกเจ้าถิ่นก็ไม่ค่อยเชื่อเพราะเห็นกับตาทุกคนว่ามากันเยอะแยะไปหมด

เรื่องนี้ก็สรุปว่าเป็นอาถรรพ์ของพระผงกระดูกผี ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็เล่าสืบต่อกันมามากมาย ผมเองตอนเด็กๆ ก็อยากได้เหมือนกัน แต่ก็กลัวผีอยู่ด้วยเหมือนกัน จึงไม่กล้าหามาห้อยคอครับ ในปัจจุบันนี้พระผงกระดูกผีค่อนข้างหาของแท้ๆ ยากนะครับ ของปลอมก็มีทำกันเยอะ ถ้าท่านผู้ใดมีพระผงกระดูกผีของแท้ไว้ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของเถ้ากระดูกบ้าง จะได้โชคลาภสมปรารถนาครับ

วันนี้ผมได้นำรูปพระผงกระดูกผี พิมพ์ปิดตามาให้ชมครับ

ด้วยความจริงใจ

แทน ท่าพระจันทร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน