FootNote:ไฉน พลังประชารัฐ จึงหงุดหงิด หวาดระแวง ต่อประชาธิปัตย์
หากดูจากการที่ “สื่อ”ในเครือข่าย”พลังประชารัฐ”เล่นงานรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย แล้วเหตุใดเมื่อมีการปล่อยข่าว”ปรับครม.”ก็คล้าย กับว่าความหวาดระแวงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า
อาจเป็นเพราะการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์มี”วาระ” ตามมาชวนให้เกิดความหงุดหงิดในเชิงเปรียบเทียบ
กล่าวสำหรับการตั้งเงื่อนไขในเรื่องกระทรวงที่ยึดครอง ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ล้วนเสนอข้อต่อรองเข้มข้นไม่แตกต่างกัน
พรรคประชาธิปัตย์พุ่งไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ พรรคภูมิใจไทยพุ่งไปยังกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
แต่ที่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ “เงื่อนไข”ในทาง”การเมือง”
เงื่อนไขที่ทำให้การต่อรองการเข้าร่วมรัฐบาลต้องล่าช้าทอดเวลาเป็น อย่างสูงคือเงื่อนไข “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” อันเสนอมาจากพรรคประชาธิปัตย์
เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หงุดหงิด เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่แฮปปี้
แต่เมื่อต้องการ 53 ส.ส.มายกมือให้ก็จำต้อง”ยอม”
พรรคพลังประชารัฐอาจรู้สึกว่าที่อ่อนข้อให้ถึงกับบรรจุเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนก็มากอยู่แล้ว แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญจึงมิอาจยอมได้
นี่คือการประจันหน้ากันอย่างแทบไม่เกรงใจ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ดึงดันเห็นได้จากการถอยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ท่วงทำนองของพรรคประชาธิปัตย์อย่างนี้แหละที่น่ากลัว
ไม่ว่าจะเป็นการถอยในเรื่องญัตติด่วนมากจัดตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลจากการใช้มาตรา 44 หรือญัตติด่วนมากจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรคประชาธิปัตย์มิได้ถอยอย่างชนิดหนียะย่ายพ่ายจะแจ
ตรงกันข้าม ทิ้งเงื่อนไขอันเสมือนเป็นทุ่นระเบิดทางการเมืองเอาไว้ตลอด 2 รายทาง
ความหงุดหงิด ความไม่ไว้วางใจอย่างชนิดเต็มร้อยจากพรรคพลังประชารัฐจึงมีสาเหตุและสาเหตุนั้นก็ดำเนินไปแบบเมล็ดพันธุ์
เมล็ดพันธุ์อันกรุ่นคุระหว่างพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์