คอลัมน์ ใบตองแห้ง : ตู่แอ็บฯ

ตู่แอ็บฯ – ประยุทธ์จ้างเอเยนซี่ที่ไหนไม่ทราบ มาปรับลุกส์ใหม่ นั่งเอียงๆ ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศนำประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ New Normal แต่ภายใต้ระบอบที่ปกครองอยู่ น่าจะเรียกว่า Abnormal เสียมากกว่า

มองในแง่วาระ ก็น่าสนใจ เพราะประเทศอยู่ในวิบัติรอบด้าน จะฉลาดมากฉลาดน้อยอย่างไร เครือข่ายอนุรักษนิยมที่ประยุทธ์เป็นผู้นำ ก็รู้แก่ใจว่า “เอาไม่อยู่“ จะต้องหาทางออกผ่าทางตัน

แต่มองจากวาทกรรม ก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ไม่สมราคาปรับลุกส์ ที่ว่าจะชวนคนไทยร่วมกำหนดนโยบาย ก็ทำมาแล้วหลายครั้ง ไม่เคยสำเร็จ ไม่เคยเป็นที่ยอมรับ นอกจากแฟนคลับกลุ่มเดิมๆ

ลงท้าย ยังบอกให้หยุดเล่นเกมการเมือง ไม่สุจริตบิดเบือนไม่สร้างสรรค์ ก็พูดแบบเดิมๆ ที่กำราบคนเห็นต่าง ฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้าน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังซ้ำว่า ประเทศเติบโตไม่ได้ด้วยความเกลียดชัง ทั้งที่สาเหตุแห่งความเกลียดชังคือการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ปล้นอำนาจ โกงอำนาจ ไม่เป็นประชาธิปไตย

อย่างไรก็ดี บางคนสงสัยว่า ที่ประยุทธ์บอกให้หยุดเล่นเกมการเมืองนี่ หมายถึงพรรคพลังประชารัฐหรือเปล่า เพราะเป็นปัญหาที่ประยุทธ์กำลังปวดกบาล

ประยุทธ์ฟื้นความนิยมได้จากวิกฤตโควิด เพราะคนไทยเสพติดยาแรง เชื่อหมอเชื่อรัฐ มองไม่เห็นว่ามาตรการเกินกว่าเหตุสร้างความเสียหายเกินควร และจะพากันตายเป็นเบือทางเศรษฐกิจ เพราะจนบัดนี้ ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์มา 24 วันยังไม่เลิกปลุกความกลัว ปลุกให้เชื่อฟังรัฐ

ขนาดเลิกเคอร์ฟิวแล้วมีเด็กแว้น เบิร์นยาง ทะเลาะวิวาท บางคนก็บ่นว่า ไม่เลิกเคอร์ฟิวดีกว่า ทั้งที่ตำรวจสามารถจับกุมตามกฎหมาย และเคอร์ฟิวไปกระทบคนทำมาหากินอีกเป็นล้าน ประยุทธ์ก็ฉวยมาอ้าง เดี๋ยวห้ามออกจากบ้านอีกนะ = เคอร์ฟิวมีไว้ปราบเด็กแว้น ไม่ใช่จับไวรัส

ถึงปลาบปลื้มฟูมฟายน้ำตาไหล ประเทศไทยจัดการโควิดได้ดีอันดับสองของโลก วิบัติเศรษฐกิจก็จะย้อนมาเป็นภาระรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่พ้น แม้ตู่คงโทษเศรษฐกิจโลก โทษคนไทยไม่รู้จักปรับตัว ตามเคย

ของมันเห็นๆ ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดิ่งเหว อัดฉีดอย่างไรก็ช่วยไม่ได้มากนัก เที่ยวปันสุข มีเงินเที่ยวสักกี่คนกัน เงินกู้สี่แสนล้าน ไม่น่าจะเข้าเป้า แต่กลับกลายเป็นเป้า ให้ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐ

วิบัติครั้งนี้ยังวิปริตไปทั้งโลก ธุรกิจล้มละลาย คนตกงานมหาศาล แต่หุ้นกลับขึ้นเพราะเงินอัดฉีด เป็นความวิปริตผิดเพี้ยนที่ยังไม่รู้ว่าจะเสียหายเพียงไร

รัฐเป็นใหญ่ภายใต้ประยุทธ์ ไม่มีทางรับมือวิบัติเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ ซ้ำร้าย ยังเจอวิกฤตการเมือง การแย่งชิงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาในหมู่กองหนุน ด่า ส.ส.ที่อุตส่าห์ดูดมายกมือให้ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ เป็นเสือหิวเสือโหย โดยความขัดแย้งยังลามเป็นโดมิโน ไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกำนัน

วิบัติศรัทธามองให้กว้างไกล ลามไปหมดทุกองคาพยพ ของรัฐ อำนาจบริหาร กระบวนการยุติธรรม องค์กรตรวจสอบต่างๆ สังคมไม่เชื่อถือระบบราชการ เพราะเห็นศาลาริมทาง เห็นโครงการทุบตึกเก่าแก่ แล้วใครจะเชื่อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้าน

ความขัดแย้งกับประชาชนก็ปะทุต่อเนื่อง เรียกร้องความเป็นธรรมให้วันเฉลิม โดนหมายเรียก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว 10 คน ทำไมต้องสกัดกั้น? รัฐบาลไม่เกี่ยวก็ไม่เห็นต้องเสียวสันหลัง เพิ่งตั้งกรรมาธิการศึกษา CPTPP ก็สั่งเดินหน้าเจรจา ทั้งที่มีข้อท้วงติงมากมาย

เพียงแต่ยังโชคดี (มั้ง) ที่พลังประชาธิปไตยก็มีความหลากหลาย ถูกทำลายจนไม่เป็นเอกภาพ สังคมก็จมอยู่กับดราม่า แบบสนใจปารีณา Vs ปนัดดา มากกว่าสาระทางการเมือง หรือไม่ก็ไปเที่ยวไล่ล่าหาคนผิด ตัดสินคดีอาชญากรรมหน้าจอด้วยดาราพิธีกรและทนาย

ระบอบประยุทธ์ เครือข่ายอนุรักษนิยม อย่างไรก็อยู่ได้ แต่ทั้งระบอบจมลงๆ ในวิบัติรอบด้าน นี่ไม่ใช่พวกเขาไม่ตระหนัก ถึงแม้อนุรักษนิยมในปัจจุบันจะด้อยภูมิปัญญา แต่คนโง่ขนาดไหนก็มองออก ยกเว้นกองเชียร์ดักดาน

มองได้ว่า นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องนิวนอร์มอล แอ็บนอร์มอล ประกาศเปลี่ยนโฉมประเทศ แต่ยังไม่เห็นว่าจะทำอะไร ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ เช่น ปรองดองนิรโทษกรรม หรือข่าวขรรมๆ แบบจับมือเพื่อไทยตั้งรัฐบาล

ตันนั่นแหละ จนพยายามหาทางผ่าทางตัน เพราะอยู่อย่างนี้ไปไม่รอดแน่ จะรัฐประหารตัวเองก็ทำไม่ได้ แม้เชื่อว่าสิ่งที่ประยุทธ์ต้องการมากที่สุดในวันนี้คือ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ปรับ ครม.โดยไม่ต้องแยแสพรรคการเมือง ดึงเทคโนแครตเข้ามานั่ง ตามอุดมคติรัฐบาลแต่งตั้ง อยากเป็นอย่างยุคเปรม

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เดี๋ยวคงได้เห็นกัน ว่าจะ “แอ็บ นอร์มอล” ขนาดไหน เพราะถ้าเดินไปอย่างนี้มีแต่พังกับพัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน