กรมบัญชีกลาง จัดพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศ ในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 7

เอ็ม ดิสทริค (เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์) จับมือบัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa, Royal Caribbean Cruise และ C-space รวมกับ 5 ศูนย์การค้าระดับแนวหน้าของเมืองไทย จัดมหกรรมเซลระดับชาติใหญ่ที่สุดกลางปี BANGKOK NO.1 SHOPPING FESTIVAL 2025 ปักหมุดเป็นเดสทิเนชันช้อปปิ้งสำคัญใจกลางกรุงเทพมหานคร ดึงดูดนักช้อปและนักท่องเที่ยวชาวไทยจากทั่วโลก มอบประสบการณ์ช้อปสุดเอ็กซ์คลูซีพ พร้อมนำ 4 ศิลปินวัยรุ่นสุดฮอตจากซีรีส์ Gel Boys ร่วมโปรโมตแคมเปญ โดยแคมเปญจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 28 กรกฎาคม 2568 ที่ เอ็ม ดิสทริค สำหรับแคมเปญ Bangkok No.1 Shopping Festival  2025 ในส่วนของเอ็ม ดิสทริค พร้อมสร้างความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปี โดยเอ็ม ดิสทริค ทั้ง 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และ เอ็มสเฟียร์ โดยจับมือบัตรเครดิตยูโอบี, บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa, Royal Caribbean Cruise และ C-space มอบความพิเศษตลอด 2 เดือน โดยเมื่อช้อปปิ้งร้านค้าชั้นนำในศูนย์การค้า ลูกค้าบัตรเครดิตบัตรเครดิต UOB รับคืนสูงสุด 14,600 บาท ในวันที่ 30 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 และบัตรเค

พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดย ทีเอ็มบีธนชาต รับรางวัลเชิดชูเกียรติ “องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น” ปี 2567 ตอกย้ำบทบาทแหล่งเรียนรู้ปลูกฝังคุณธรรมด้านความกตัญญู ความดีงาม และความซื่อสัตย์ พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดย ทีเอ็มบีธนชาต ขับเคลื่อนสู่องค์กรคุณธรรมต้นแบบอย่างยั่งยืน ประกาศความสำเร็จอีกก้าว ได้รับการยกย่องเป็น “องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น” ประจำปี 2567 จากคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ โดยเป็น 1 ใน 95 องค์กรระดับประเทศที่ได้เข้ารับโล่เชิดชูเกียรติจากกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวมาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า “พิพิธภัณฑ์ครุฑตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการส่งเสริมคุณธรรมอย่างแท้จริง โดยได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น” ประจำปี 2567 จากการประเมินของคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ถือเป็นเครื่องยืนยันผลงานอันประจักษ์โดดเด่นของพิพิธภัณฑ์ครุฑ ที่มุ่งมั่นตั้งใจปลูกฝังคุณธรรมผ่านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง โดยสอดแทรกเรื่องราวของความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความดีงาม อันเป็น 3 สิ่ง

“ดีพร้อม” ปลุกพลัง อุตฯ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย สร้าง “Fashion Hero Brand” ยกระดับแบรนด์ไทยสู่สากล หนุนพลัง Soft Power แฟชั่น คาดสร้างมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าสร้าง Hero Brand อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย หนุนพลัง Soft Power แฟชั่นไทยผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย” เพื่อส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และด้านการตลาด พร้อมดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยสู่การพัฒนาแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของไทยถือเป็นหนึ่งสาขาในอุตสาหกรรมแฟชั่น และมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยปี 2567 การส่งออกอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มไทย มีมูลค่ารวม 6,196.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา :

นายโนริอากิ โกโตะ ประธานกรรมการ และ ดร.จำลอง อติกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 81 รูปที่บริเวณด้านหน้าอาคารกรุงศรี สำนักงานใหญ่ พระรามที่ 3 ในโอกาสครบรอบ 80 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ในโอกาสนี้ ธนาคารได้รับเมตตาจากพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม และพระสงฆ์จากอารามหลวง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาส เพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และถวายภัตตาหาร ปี 2568 นับเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีของกรุงศรี ในการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสังคมไทย จากจุดเริ่มต้นในฐานะธนาคารไทยที่มุ่งให้บริการลูกค้าในประเทศ วันนี้ กรุงศรี ก้าวขึ้นเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนและเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำเพื่อลูกค้า สะท้อนผ่านการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายได้ทุกวัน (Make Life Simple) รวมถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเป้าหมายยืนหนึ่งการเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” พร้อมร่วม

การทำสกินแคร์รูทีนหรือใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวตนเองถือเป็นเคล็ดลับผิวสวย สุขภาพดี ที่หลายเสียงต่างรีวิวว่าหากทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องทุกๆ วันก็จะเห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอน แถมยังเป็นการช่วยลดเลือนปัญหาผิว พร้อมเสริมให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้จริง แต่กับบางกลุ่มก็อาจรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะแม้จะเลือกใช้สกินแคร์ที่มีสารและสรรพคุณตอบโจทย์ปัญหาผิวมากขนาดไหน ปัญหาผิวก็ไม่ดีขึ้นเลย มิหนำซ้ำในบางเคสยังอาจเผชิญกับอาการที่รุนแรงมากกว่าเดิมอีก ทั้งผิวระคายเคือง มีสิวผด สิวอุดตัน หรือหน้าลอกเป็นขุย จนพลอยทำให้หมดความมั่นใจ จนไม่อยากใช้สกินแคร์อีก ใครที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้ อย่าเพิ่งท้อใจ หรือนึกโทษสกินแคร์ที่ใช้อยู่ เพราะต้นตอของสาเหตุ อาจไม่ได้มาจากส่วนผสม ยี่ห้อของสกินแคร์ แต่มาจากขั้นตอนการลงสกินแคร์ เรียงลำดับการใช้สกินแคร์ไม่ถูกต้อง ทำให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ดีพอ ผิวจึงไม่ได้รับการบำรุง การฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง บทความนี้เราเลยขอมาแชร์สเต็ปลงสกินแคร์ให้ถูกวิธี ใครที่สงสัยว่าโทนเนอร์ น้ำตบ ครีมบำรุง หรือเซรั่มทาตอนไหน ตามมาดูได้เลย! เริ่มต้นด้วยโทนเนอร์ เปิดรูขุมขน หลังจา

“สี่มุมเมือง ไทยฟรุตเฟส 2025” คิกออฟเทศกาลผลไม้ไทยสุดยิ่งใหญ่ เปิดเวทีเชื่อมสวน–ตลาด–ผู้บริโภค พร้อมโชว์ศักยภาพ และปักหมุด ตลาดสี่มุมเมือง เป็น ‘Destination ผลไม้ไทย’ อันดับ 1 ของประเทศ ตลาดสี่มุมเมือง ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จังหวัดปทุมธานี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดงาน “สี่มุมเมือง ไทยฟรุตเฟส 2025” อย่างเป็นทางการ โดยมี คุณวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และ คุณปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วยผู้บริหารภาครัฐและพันธมิตร อาทิ ดร.กรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน, คุณทรงกลด พุฒิกมลกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง, คุณอภิรัตน์ ทวีทรัพย์ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ, คุณนิมิตร ฆังคะจิตร พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี และ คุณศศิธร ชาญประเสริฐ เกษตรจังหวัดปทุมธานี งานนี้จัดขึ้นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนนโยบาย Thai Fruit Festival ของกระทรวงพาณิชย์ และตอกย้ำบทบาทของตลาดสี่มุมเมืองในฐานะ ‘Destination ผลไม้ไทย’ ที่พร้อมทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงผลไม้จากสวนถึงผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นค้