กะเพรา
ซีพีแรม เดินหน้าสานต่อความสำเร็จ “โครงการเกษตรกรคู่ชีวิต” สู่ความปลอดภัยทางอาหาร-ความมั่นคงทางอาหาร-ความยั่งยืนทางอาหาร ตามปณิธาน Food 3S ขององค์กร บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน ให้ความสำคัญกับการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเทรนด์กระแสหลักสำหรับวงการอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เดินหน้าต่อเนื่องสานต่อความสำเร็จ “โครงการเกษตรกรคู่ชีวิต” มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกกะเพราของเกษตรกรในชุมชนท้องถิ่นรอบโรงงานซีพีแรม ให้สอดคล้องตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ปลูก สร้างรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร พร้อมสร้างความปลอดภัยทางอาหาร-ความมั่นคงทางอาหาร-ความยั่งยืนทางอาหาร นางสาวอาภาภรณ์ พรหมเชยธีระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน บริษัท ซีพีแรม จำกัด (ขอนแก่น) ใช้ใบกะเพราเป็นวัตถุดิบในการผลิตอย่างมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกปี ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
แฟรนไชส์ ร้านกะเพราดัง มาแน่ แต่ขอคิดให้ชัวร์ ทำแล้ว ต้องรอดไปด้วยกัน ฉายแสงในวงการอาหาร ด้วยการได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัล Creative จากการแข่งขัน WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023 ซึ่งจัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนับแต่นั้น ชื่อเสียงของร้านอาหาร “จิตสดชื่น” ก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบัน สามารถขยายกิจการได้แล้วถึง 3 สาขา อยู่ที่ กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา และย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ จากจุดเริ่มของความคิดอยากมี “พื้นที่ของตัวเอง” เมื่อราว 10 ปีก่อน คุณแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์ อดีตหนุ่มนักกีฬารักบี้ ดีกรีวิทยาศาสตร์การกีฬา จากรั้ว ม.ศิลปากร เริ่มต้นหา Connection ที่เมืองกาญจน์ บ้านเกิด ด้วยการเข็นรถบาร์บีคิวไม้ละ 30 บาท เร่ขายไปในย่านผับบาร์เลียบแม่น้ำแคว “จะมีภาพจำวัยเด็กคือ ตอนเด็กมีรถซาลาเปาอยู่คันหนึ่ง เวลาวิ่งผ่านมามีโฆษกพูดว่า ซาลาเปาไหม ทุกคนพอได้ยินเสียงนี้ จะรู้แล้วมารอซื้อหน้าบ้าน ตอนที่ผมขายบาร์บีคิว ผมก็จะมีกระดิ่งอันหนึ่ง แล้วเขย่าเหมือนกัน เขาก็จะรู้ว่าเด็กบาร์บีคิวมาแล้ว ไอ้บาร์บีคิวมาแล้ว เขาก็จำผมในชื่อบาร์บีคิว เขาจะไม่เ
“กะเพราขุนช้าง” จากครัวเล็กๆ สูตรเด็ดของแม่ สู่แฟรนไชส์ 47 สาขา ยอดขายหลักล้านต่อเดือน! กะเพรา เป็นเมนูที่ใครหลายคนชื่นชอบ อีกทั้งยังหาทานง่าย ทำเองก็ไม่ยาก ทำให้กะเพราสูตรของแต่ละคนมีรสชาติที่แตกต่างกัน อีกทั้งแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เมื่อทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่าง และบางร้านอาจจะให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับไปกินข้าวที่บ้าน โดยเฉพาะร้าน “กะเพราขุนช้าง” ที่มีเจ้าของคือ คุณณัฏฐ์ กีรติเก้าทรัพย์ จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่น้ำซอสกะเพรา ที่มีรสชาติไทยเดิม อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร สูตรเด็ดจากคุณแม่ โดยเริ่มต้นจากครัวเล็กๆ ในบ้าน ด้วยรสชาติที่อร่อยทำให้ลูกค้าชื่นชอบและสั่งผ่านดีลิเวอรีอย่างล้นหลาม มีไรเดอร์มาจอดรอหน้าร้านอย่างเนืองแน่น จนสามารถขยายสาขาได้ถึง 47 แห่งทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขายได้สาขาละ 20,000 บาทต่อวัน จุดเริ่มต้นจากครัวเล็กๆ สู่ธุรกิจแฟรนไชส์ คุณณัฏฐ์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากที่เขาชื่นชอบทานกะเพราที่คุณแม่ทำอยู่แล้ว และเมื่อลองไปทานกะเพราร้านอื่น ก็จะนึกถึงว่าไม่มีร้านไหนที่รสชาติเหมือนที่คุณแม่ทำ จึงคิดต่อยอดนำสูตรกะเพราของคุณแม่มาพัฒนาต่อ ส่วน
เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีฯ เผย 10 ผัก สารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน กะเพรา นำโด่ง จากงานประชุมวิชาการประจำปี 2568 “เดินหน้าสร้างระบบเกษตรและอาหารที่ปลอดภัย” ทางเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช Thai-PAN ได้เผยผลการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปี 2567 โดยล่าสุดมีการเก็บตัวอย่างผักและผลไม้รวม 255 ตัวอย่างในห้าง 5 แห่ง และตลาดใน 12 จังหวัด ส่งวิเคราะห์สารพิษตกค้าง 419 รายการ พบว่า ผักและผลไม้ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าพบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน 75% ขณะที่ในตลาดสดและห้างค้าส่งพบการตกค้างเกินมาตรฐาน 61% ซึ่งจากการสำรวจพบ 10 ผัก พบสารพิษตกค้าง ดังนี้ หัวไชเท้า 29% กรีนโอ๊ก 35% คอส 53% คะน้า 53% มะเขือเทศเชอร์รี 64% พริกขี้หนู/จินดา 82% กวางตุ้งไต้หวัน 88% ขึ้นฉ่าย 88% ถั่วฝักยาว 88% กะเพรา 94% ทั้งนี้ เป็นการเก็บตัวอย่าง 27 พ.ย. – 11 ธ.ค. 67 รวม 85 ตัวอย่าง จากห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง และตลาด 12 จังหวัด เช่น เชียงใหม่ นครสวรรค์ ราชบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม ระยอง ขอนแก่น ยโสธร มหาสารคาม อุบลราชธานี ส่งวิเคราะห์สารพิษตกค้างแบบครอบคลุมสารพิษ 419 รายการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ข้อมูลผลการเฝ้าระว
เมนู #กะเพรา คัมแบ็ก คว้าแชมป์ เมนูยอดนิยมอันดับ 1 ปี 2567 หลังพลาดให้ “ข้าวผัด” ในปีที่แล้ว ฟู้ดแพนด้า (foodpanda) เปิดสถิติปี 2567 เผย 15 อันดับ เมนูยอดสั่งและยอดเสิร์ชสูงสุด จากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่ใช้บริการทั่วประเทศไทย ด้านเมนู “ผัดกะเพรา” เป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยมอันดับ 1 ปี 2567 เนื่องด้วยปัจจัยหลายอบ่าง เช่น รสชาติที่ลงตัว มีความหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ทำง่ายและรวดเร็ว โดยในปี 2567 นี้ เมนูผัดกะเพราได้กลับมาผงาด เป็นเมนูยืนหนึ่งยอดสั่งเติบโตสูงสุดบน foodpanda อีกครั้ง หลังจากได้อันดับ 1 ในปี 2565 และพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับเมนู “ข้าวผัด” ในปี 2566 เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ของเมนูยืนหนึ่งคืนไปได้ มากไปกว่านั้น TasteAtlas เว็บไซต์ให้ข้อมูลด้านอาหารทั่วโลก ได้ยกให้ผัดกะเพราเป็นอาหารจานผัดที่ดีที่สุด ถือเป็นการตอกย้ำความอร่อยของเมนูนี้ไปอีก 15 เมนูยอดสั่งสูงสุด ข้าวกะเพรา ข้าวผัด ตำไทย ข้าวมันไก่ ขนมจีน ชาไทย ลาบ ผัดซีอิ๊ว ตำป่า ราดหน้า ไข่เจียว ผัดไทย คอหมูย่าง ไก่ย่าง ข้าวขาหมู 15 เมนูยอดเสิร์ชสูงสุด ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ยำ ไก่ทอด ขนมจีน โจ๊ก/ ข้าวต้ม
เปิดประวัติ “ผัดกะเพรา” เมนูยอดฮิตติดใจคนไทย มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา! ผัดกะเพรา – เคยสงสัยกันหรือไม่? ว่า ผัดกะเพรา เมนูยอดฮิตที่หลายคนแอบเรียกว่าเมนูสิ้นคิดบ้าง เมนูกันตายบ้างนั้น ใครเป็นคนต้นคิด? แล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร? ใช่สูตรที่เราทำกินกันทุกวันนี้ไหม? วันนี้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” จะพาไปหาคำตอบกัน มีผู้ใช้นาม เสือตะหลิว สมาชิกเว็บไซต์ดังอย่างพันทิป ได้ตั้งกระทู้แชร์เรื่องราวน่าสนใจ เกี่ยวกับ ผัดกะเพรา พร้อมวิธีทำผัดกะเพราสูตรดั้งเดิมเอาไว้ โดยโพสต์บอกเล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจไว้ว่า จากสยามสู่ไทย…ปฏิวัติหัวใจสู่ไทยยุคใหม่ “ผัดกะเพราเนื้อ สูตร จอมพล ป.พิบูลสงคราม” เสือตะหลิวเชื่อว่าคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ล้วนต้องรู้จักและเคยลิ้มลองเมนู “ผัดกะเพรา” กันอย่างแน่นอน และคนไทยส่วนใหญ่มักคิดเสมอว่า เมนู “ผัดกะเพรา” นั้น เป็นเมนูที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ย้อนหลังไปได้หลายร้อยหลายพันปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว รู้หรือไม่ว่า เมนู “ผัดกะเพรา” นั้น เป็นเมนูที่เพิ่งจะถูกคิดค้นมาในช่วงประมาณ พ.ศ. 2490 สมัยของจอมพ
ก๊อบเกรดเอ! เผ็ดมาร์ค โดนพี่จีนเลียนแบบทั้งร้าน สร้างความเสียหายให้แบรนด์ ย้ำมี 2 สาขาเท่านั้น กลายเป็นประเด็นบนโลกโซเชียล เมื่อ “เผ็ดมาร์ค” ร้านกะเพราชื่อดัง ย่านเอกมัย ที่มีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยมาต่อคิวรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด โดนชาวจีนนำชื่อร้าน รวมไปถึงรูปแบบของร้านไปเปิดขายในประเทศของตน เรียกได้ว่า เป็นงานก๊อบเกรดเอเลยทีเดียว จากประเด็นดังกล่าว ทำให้เจ้าของร้านตัวจริง ได้ออกมาโพสต์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ค Phed Mark เผ็ดมาร์ค – Pad Kaprao เกี่ยวกับประเด็นที่ทางร้านว่า “Phed Mark only has 2 original locations in Bangkok (Ekamai for dine in and Sukhumvit 49 for takeaway and delivery). There have been reports of some knockoff locations claiming to be original, but they are not associated with us. Thank you.” โดยข้อความข้างต้นแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “Phed Mark มีสถานที่ดั้งเดิมเพียง 2 แห่งในกรุงเทพฯ (เอกมัยสําหรับทานที่ร้านและสุขุมวิท 49 สําหรับซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่) มีการรายงานเกี่ยวกับสถานที่ที่ตัดขาดบางแห่งอ้างว่าเป็นต้นฉบับ แต่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา ขอบใจนะ” ทำเอาชาวเน็ตหลา
ชวนปลูกผักสวนครัวฉบับมือใหม่! มัดรวม 6 ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตไว พื้นที่น้อยก็ปลูกได้ นอกจากการซื้อ “ผักสวนครัว” มาปรุงอาหารแล้ว เรายังสามารถปลูกได้เองแม้มีพื้นที่จำกัด และไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง เพราะสามารถประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ใกล้ตัวได้ ส่วนเมล็ดพันธุ์ก็มีราคาไม่แพง โดยแนะนำให้เริ่มจากจำนวนน้อยๆ ก่อน วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้รวบรวม ผักสวนครัว 6 ชนิด พร้อมวิธีการปลูกมาให้แล้ว จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย วิธีปลูกต้นอ่อนทานตะวัน วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย เมล็ดทานตะวัน ดินเพาะปลูก ภาชนะปลูก เช่น ตะกร้า กล่องพลาสติก หรือกะละมังที่เจาะรูแล้ว ขั้นตอน 1. นำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำประมาณ 10 ชั่วโมง จากนั้นนำไปบ่มอีก 10 ชั่วโมง ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดห่อเมล็ด จากนั้นนำใส่กล่องและปิดฝาให้เรียบร้อย จนเริ่มมีรากงอกออกมาเล็กน้อย 2. ตักดินใส่ภาชนะที่เจาะรูแล้ว นำเมล็ดพันธุ์ที่เพาะไว้หว่านลงดิน รดน้ำให้ชุ่ม หากปลูกหลายถาดให้นำถาดซ้อนๆ กัน แล้วกั้นด้วยพลาสติกเพื่อไม่ให้รากจากถาดบนทะลุลงถาดล่าง แนะนำให้ซ้อนกันไม่ควรเกิน 5 ถาด และหาอุปกรณ์น้ำหนักไม่ควรเกิน 10 กิโลกรัม มาทับไว้ 2 คืน เ
กะเพรา เป็น Soft Power ต้องแทรกความบันเทิง เหมือนดูซีรีส์อยากกินโซจู เมื่อเวลา 11.00-12.00 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่อาคารมติชนอคาเดมี ในงาน “จัดจ้านจานเด็ด” ที่จัดโดย เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ และ มติชนอคาเดมี สื่อคุณภาพด้านสร้างอาชีพ ในเครือมติชน มีเวทีทอล์กจัดจ้าน หัวข้อ “ถอดรหัส Soft Power อาหารไทยผ่านเมนูผัดกะเพรา” โดย คุณกฤช เหลือลมัย คอลัมนิสต์ด้านอาหาร และคุณแบงค์-ประภากร นิยมทรัพย์ จากร้านกะเพราจิตสดชื่น จ.กาญจนบุรี เจ้าของรางวัลอันดับ 2 จากการแข่งขันกะเพราระดับโลก เป็นวิทยากรรับเชิญ คุณกฤช กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นตัวตั้ง คนไทยน่าจะรู้จัก “ใบกะเพรา” ตั้งแต่สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่ว่าการนำมาใช้เป็นอาหารนั้น ตนพบร่องรอยที่เก่าที่สุด คือใบปิดโฆษณาน้ำพริกเจ้าหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2476 บอกวิธีการทำเมนูหลากหลาย ซึ่งรวมถึงผัดกะเพราไว้ด้วย หลังจากนั้นพบหลักฐานการเผยแพร่สูตรการทำผัดกะเพราตามสื่อ ไล่เรียงตามช่วงเวลาจนถึงปัจจุบัน ส่วน ความเป็น Soft Power ของผัดกะเพรานั้น คุณกฤช มองว่า จะไปเป็นเมนูโดดๆ อาจยาก อาจต้องสอดแทรกให้รับรู้เบื้องหลังของเมนู เช่น มีเรื่อง
อร่อยสร้างเรื่อง! รวมมิตร เมนูอาหารไทย อร่อยจนได้แชมป์ ติดอันดับเวทีโลก ก่อนหน้านี้ทางเว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลก เพิ่งมีการจัดอันดับ 10 เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) โดยเมนู ชาไทยเย็น ที่ติด อันดับ 2 ขณะที่อาหารไทยอีกหลายเมนู ล้วนได้รับความนิยมในต่างประเทศอีกมากมาย ทั้ง ต้มข่าไก่, ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, ส้มตำ ฯลฯ กลายเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ แบบไทยๆ ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไปในตัว ล่าสุด เว็บไซต์ TasteAtlas ได้จัดอันดับอีกครั้ง ในหัวข้อ 100 อันดับ สุดยอดเมนูสตู ของเว็บไซต์ โดยมีเมนู พะแนง จากประเทศไทย ได้รับการลงคะแนนจากประชาคมโลก ให้เป็นเมนูประเภท “สตู” อันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งเมนู แกงมัสมั่น ก็ติดอันดับที่ 8 กับเขาด้วยเหมือนกัน โดยทางเว็บไซต์ ระบุว่า พะแนง เป็นหนึ่งในแกงกะหรี่ชนิดหนึ่งในไทย มีความโดดเด่นเรื่องความเข้มข้นของน้ำแกง ผสานความกลมกล่อมของถั่วลิสงพร้อมรสชาติเผ็ดมันหวานเค็ม ประกอบด้วยวัตถุดิบหลากหลาย อาทิ เนื้อสัตว์ที่นำมาสตู พริกป่น น้ำใบมะกรูด กะทิ ผักชี ยี่