สมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่ข้อความ ว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความว่า แม้กระแสโลกหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปไม่มีถอยหลังกลับเลยแม้สักวินาทีเดียว หากแต่สัญชาตญาณและพฤติกรรมอันสะท้อนกิเลสตัณหาของมนุษย์ กลับวนเวียนซ้ำรอยเดิมอยู่อย่างมิรู้หยุดหย่อน ด้วยเหตุนี้ ความเดือดร้อนวุ่นวายจึงยังคงบังเกิดมีขึ้นอยู่ร่ำไปในทั่วทุกหนทุกแห่ง เด็กและเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติและของโลกนี้ พึงตั้งปณิธานที่จะเป็นผู้ช่วยกันสรรค์สร้าง “อารยธรรม” ให้บังเกิดขึ้นแก่ตน และสังคมทุกระดับ นับแต่ครอบครัว ชุมชน ตลอดถึงประเทศชาติ เพื่อช่วยกันกำจัดความเสื่อมทรามที่เรียกว่าอนารยธรรมให้เบาบางจางหายไปได้ในเร็ววัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานหลัก “อารยวัฑฒิ” อันเป็นหลักการสร้างสรรค์ความเจริญของอารยชนไว้ ๕ ประการ ได้แก่ ศรัทธา หมายถึง เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เชื่อด้วยความรู้ความเข้าใจในเหตุผลอย่างถ่องแท้, ศีล หมายถึง รักษากายและวาจาให้เรียบร้อย
สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสถวายพระพร สมเด็จพระพันปีหลวง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔ ความว่า อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิต สำแดงความปีติโสมนัสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษามาโดยสวัสดี นับถึงบัดนี้ได้ ๘๙ พรรษาบริบูรณ์ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อเกื้อกูลสรรพชีวิตทั้งมนุษย์ สัตว์ ตลอดจนพฤกษ์ไพร ให้ดำรงคงความผาสุกร่มเย็น เป็นนิพัทธราชจริยามาเนิ่นนานหลายทศวรรษ พระราชจริยวัตรอันอ่อนโยนละมุนละม่อม น้อมนำดวงจิตของพสกนิกรให้คลายความรุ่มร้อนแห้งแล้งกลับชุ่มเย็น ทรงแผ่พระเมตตาการุณยจิตอย่างอเนกอนันต์ ทรงสร้างสรรค์พลังแห่งความเป็นมารดาผู้รักและปรารถนาดีต่อบุตรอย่างจริงใจ พระเมตตาบารมีประการนี้ ย่อมบังเกิดแต่พระราชธรรมอันเป็นเหตุเชื่อมโยงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเมตตาธรรม กล
สมเด็จพระสังฆราช ประทานคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา เนื่องในวันมาฆบูชา ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่าน้อมระลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ อันมีหลักการสำคัญเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ ๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ๒. การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม และ ๓. การชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน ๓ เมื่อกว่า ๒,๖๐๐ ปีล่วงมาแล้ว อย่างไรก็ดี หากปีใดเป็นปีอธิกมาส วันมาฆบูชาจะตรงกับดิถีเพ็ญเดือน ๔ ดังเช่นที่เกิดขึ้นปีนี้ สารัตถะประการหนึ่งในโอวาทปาติโมกข์นั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนหลักการแห่ง ‘ขันติธรรม’ เพื่อเป็นหลักเผยแผ่พระศาสนา และการดำรงตนของพุทธบริษัท ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า ‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา’ แปลว่า ‘ขันติ เป็นเครื่องเผาผลาญบาปธรรมอย่างยิ่ง’ ‘ขันติ’ หมายถึง ‘ความอดทนอดกลั้น’ มีลักษ
สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 ก.ย. 2563 วันที่ 19 ก.ย. เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 กันยายน 2563 ความว่า “บุคคลไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือผู้ใหญ่ ต่างต้องการชัยชนะ และต้องการให้ผู้ที่ไม่ได้คิด พูด หรือทำตามอย่างใจตน พ่ายแพ้ไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเอาชนะนั้น บุคคลพึงหันกลับมาทบทวนตั้งคำถามแก่ตนเองว่าถ้าได้ชัยชนะแล้ว จะมีโอกาสกลับแพ้อีกหรือไม่ และชัยชนะที่อาจได้ เป็นชัยชนะที่ถาวรหรือไม่ แล้วจงระลึกถึงพระบรมพุทโธวาทที่ว่า ‘ความชนะใดที่ชนะแล้วกลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี.’ และ ‘ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี.’ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและไม่มีวันกลับแพ้ได้ จึงได้แก่การชนะใจตนเองที่จะไม่คิดร้าย พูดร้าย และทำร้าย หากพิจารณาพฤติการณ์ทั่วไปในหมู่มนุษย์ย่อมพบว่า การได้ชัยชนะบางทีก็มิใช่ความสุข หากเราไม่รู้จักเอาชนะใจของตนเองให้ได้ก่อน คนที่เอาชนะใจตนได้ ย่อมได้รับความสุขอันแท้จริง ตัวอย่างชัยชนะที่ไม่มีวันกลับพ่ายแพ้เพราะเกิดจากการชนะใจตนเอง เช่น ชนะควา
พระสังฆราช ประทานคติธรรมอาสาฬหบูชา เป็นโอกาสที่ชาวพุทธได้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย วันที่ 4 ก.ค. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563 ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว การบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษในนักขัตฤกษ์นี้ มีขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ‘ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร’ โปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น ‘พระรัตนตรัย’ วันอาสาฬหบูชาจึงเป็นโอกาสสำคัญที่พุทธบริษัทจักได้น้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ย้ำเตือนจิตใจตนให้มุ่งประพฤติตามหนทางแห่งอริยมรรค มุ่งไปสู่ความเกษมปราศภัยจากสังสารวัฏ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนา เมื่อแรกที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ทรงพระดำริว่าธรรมะที่ทรงบรรลุ ช่างละเอียดลุ่มลึกเหลือประมาณ จึงมิได้มีพระทัยน้อมไปในทางที่จะทรงแสดงธรรม แต่ด้วยอานุภาพแห่ง ‘พระมหากรุณาคุณ’ อุปมาดุจมหาพรหมผู้ประเสริฐ ยังให้ทรงพิจารณาเล็งเห็นว่า ‘สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีกิเลสดุจธุล
สมเด็จพระสังฆราช ประทานคติธรรมวันวิสาขบูชา ขอจงเร่งสั่งสมอบรม ‘ความไม่ประมาท’ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โพสต์ข้อความระบุว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2563 ความดังนี้ “ดิถีวิสาขบูชาอันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก มีกาลกำหนดขึ้นไว้เป็นนักขัตฤกษ์พิเศษ เพื่อให้พุทธบริษัทได้กระทำสักการบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยดวงจิตตั้งมั่นในความเชื่อ และความเลื่อมใสต่อพระพุทธคุณ ซึ่งเป็นโอสถวิเศษ และเป็นเครื่องป้องกันสรรพพิบัติภัยทั้งปวง ภัยใหญ่หลวงสำหรับทุกชีวิต ตามหลักพระพุทธศาสนามี 3 ประการ กล่าวคือ ความแก่ 1 ความเจ็บ 1 และความตาย 1 ไม่มีภัยอื่นใดที่ผู้คนหวาดหวั่นครั่นคร้ามไปมากกว่าภัยทั้งสามประการนี้อีกแล้ว พระพุทธองค์ผู้ทรงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ได้โปรดประทานหนทางดับภัยไว้แล้วแก่โลก กล่าวคือ ‘อริยมรรค’ ซึ่งเป็นไปเพื่อละ เพื่อล่วงพ้นภัย ย่อมดับเหตุแห่งการเกิ
เซเว่นอีเลฟเว่น ร่วมสมทบทุนจัดตั้งโรงทาน บรรเทาความเดือดร้อนของพระสงฆ์-ประชาชนช่วงวิกฤตไวรัส COVID-19 ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในประเทศไทยร่วมสมทบทุนโรงทานตามวัดต่าง ๆ ตามพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช โดยถวายผ่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพระสงฆ์-สามเณรที่ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจ พร้อมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ณ โรงทานวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร ซึ่งเป็น 1 ในโครงการโรงทานพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายในการส่งเสริมพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 24 ปี ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ระบาด โดยประชาชนได้อาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดและการแพร่เชื้อ ไม่สามารถออกมาใส่บาตรเหมือนปกติได้
วธ. ร่วมกับ พศ. จัดตั้งโรงทานตามพระบัญชา สมเด็จพระสังฆราช ช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากจากเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ พร้อมนำพลัง “บวร” : สภาวัฒนธรรม กทม. – ชุมชนคุณธรรมฯ ขับเคลื่อนทั่วประเทศ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ) เปิดเผยว่า ตามที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานงานกับวัดทั่วประเทศที่มีศักยภาพเพียงพอ จัดตั้งโรงทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) โดยให้คำนึงถึงความพร้อมของแต่ละวัด และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในชุมชน รวมทั้งประสานงานร่วมกับหน่วยงาน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ที่ดำเนินการจัดตั้งโรงทาน และการแจกจ่าย ให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย โดยต้องไม่มีการจัดพิธีการ พิธีกรรม กิจกรรม หรือการบริหารจัดการใดๆ ที่มีบุคคลจำนวนมากมารวมตัวกัน รวมทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่ง มาตรการ และคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด นายอิทธิพล กล่าวว่า ดังนั้น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะหน
คณะแพทย์ห่วง ‘สมเด็จพระสังฆราช’ แจ้งสำนักงานเลขานุการ งดคณะบุคคล – และบุคคลทั่วไปเข้าเฝ้า จนกว่าโควิด-19จะคลี่คลาย สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่ เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ดังที่ทราบโดยทั่วไปแล้วนั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการอภิบาลพระอนามัยเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แจ้งแก่สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชว่า ด้วยเหตุแห่งพระชนมายุสูง และการปฏิบัติพระกรณียกิจที่ต้องประทับท่ามกลางสมาคมของหมู่ชนจำนวนมาก นับเป็นภาวะเสี่ยงต่อโรค จึงสมควรงดการประทานพระวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้าเป็นการทั่วไป และงดการเฝ้าของบุคคลทั่วไปโดยใกล้ชิด ในระยะที่มีการแพร่ระบาดของโรค สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จึงขอประกาศงดการนำความกราบทูลขอประทานพระวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้า และงดการเปิดให้ประชาชนเฝ้าถวายสิ่งของและเครื่องสักการะได้เป็นการทั่วไปดังที่เคยปฏิบัติในทุกวันเสาร์สุดท้ายของเดือน จนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลาย ทั้งนี้ ความทราบฝ่าพระบาทแล้ว
“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานกำลังใจ-สิ่งของ ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุกราดยิง ที่เพจ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่รูปและประกาศ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระปรารภห่วงใยผู้ประสบเหตุและผู้สูญเสีย จึงประทานกำลังใจและสิ่งของช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบเหตุทุกราย โดยข้อความมีดังนี้ วันจันทร์ ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เฝ้ารับประทานผ้าไตร เหรียญพระรูป และกัปปิยภัณฑ์ เพื่อเชิญไปมอบแก่เจ้าภาพศพ และผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์คนร้ายประทุษร้ายประชาชน ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ อนุสนธิเหตุการณ์ที่คนร้ายประทุษร้ายประชาชน ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และได้รับผลกระทบจากภยันตรายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช สก