แฉลูกจ้างโกงเงินหลวง 33 ล้าน พบ 1 ปี ทำผิด 53 ครั้ง เซ็นตั้งทีมสอบสวนสางคดี เร่งสืบสวนหาคนในสำนักงานช่วยเหลือให้ทุจริตหรือไม่ สอบทุกบัญชีที่โอนเงินผ่าน
จากกรณี เจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จับกุม น.ส.ขนิษฐา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พนักงานวิชาการการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว หลังยักยอกเงินของหลวงไป 33 ล้านบาท ในระยะเวลาร่วม 1 ปี ก่อนถูกจับได้ คาสำนักงานกลางดึก สารภาพทำคนเดียวนำเงินไปเล่นการพนัน ก่อนถูกส่งตัวฝากขัง ตร.ค้านประกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ลงนามแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน พร้อมเป็นประธานการประชุมด่วนภายในวันนี้ เพื่อคลี่คลายคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินงบประมาณ 33.9 ล้านบาท
- อ่านข่าว สอบเครียดสาวลูกจ้าง ยักยอกเงินหลวงมาแรมปี 33 ล้าน! แปลกใจเข้าระบบได้ไง
- อ่านข่าว เปิดคำสารภาพ สาวยักยอกเงินหลวง 33 ล้าน หลังโดนจับคา สนง.กลางดึก
- อ่านข่าว สอบเส้นทางการเงิน สาวยักยอกเงินหลวง 33 ล้าน เผยชนวนเหตุ-พ้นสายตา สตง.
- อ่านข่าว ส่งฝากขัง สาวยักยอกเงินหลวง 33 ล้าน! ญาติน้ำตาคลอเบ้า ค้านประกัน แจ้ง 2 ข้อหา
- อ่านข่าว คอตกเข้าเรือนจำ สาวยักยอกเงินหลวง 33 ล้าน! ไม่เชื่อทำคนเดียว ระบบซับซ้อนกว่าที่คิด
หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดมอบอำนาจให้ผู้เกี่ยว ข้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีน.ส.ขนิษฐา อายุ 28 ปี พนักงานวิชาการการเงินและบัญชีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม หลังตรวจสอบพบว่ายักยอกเงินงบประมาณของทางราชการรวม 33.9 ล้านบาท
โดยพบว่าโอนเงินเข้าบัญชีแม่ และอ้างว่านำเงินบางส่วนไปเล่นการพนันออนไลน์ โดยศาลคัดค้านการประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำผัดแรก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.-3 ก.ค.2563
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการคลี่คลายคดีจะต้องติดตามเส้นทางการเงินที่มีการโอนผ่านทุกบัญชี และตรวจสอบการเชื่อมโยงถึงตัวบุคคล หลังจากเบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบพยานบุคคลแล้ว 5 ราย และหากมีความซับซ้อน จะต้องใช้ทีมพนักงานสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ นอกจากนั้นจะต้องตรวจสอบว่ามีบุคคลใดในหน่วยงานต้นสังกัดมีความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ทุจริตหรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ขณะที่ผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 265 และ 268 หลังจากพบว่าทุจริตจากการโอนเงินผ่านระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS ให้นำไปสร้างข้อมูลหลักฐานเท็จต่อเนื่องนาน 1 ปี พบว่ากระทำความผิดรวม 53 ครั้ง ที่สำคัญคดีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เชื่อว่าลูกจ้างชั่วคราวจะกระทำการทุจริตเงินจำนวนมากเพียงรายเดียว