“กล่องสุ่ม” เทรนด์การตลาดแห่งปี 64 ของคนชอบลุ้น ราคาสูงสุดกล่องละแสน
ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ลองมาย้อนดูเทรนด์การตลาดแห่งปี 2564 ที่ได้รับความนิยมมากในแวดวงธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ นั่นคือ “กล่องสุ่ม” มีหลายประเภทให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น กล่องสุ่มต้นไม้ กล่องสุ่มเครื่องสำอาง กล่องสุ่มอาหารทะเล กล่องสุ่มขนม เป็นต้น
หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ กล่องสุ่ม คือการซื้อสินค้าที่กำหนดราคาไว้แล้วตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึง 100,000 บาท (อาจมีราคาสูงกว่านี้) โดยผู้ซื้อไม่รู้ว่าด้านในมีสินค้าอะไร แต่ส่วนใหญ่แล้วสินค้าเหล่านั้นมักมีมูลค่ามากกว่าราคากล่องสุ่ม จึงเป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้านิยมซื้อเพราะคิดว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน และรู้สึกว่าได้ลุ้นตอนเปิดกล่อง
ลองมาไล่ดูกล่องสุ่มแต่ละแบบกันดีกว่า ว่าจะปังขนาดไหน
กล่องสุ่มต้นไม้
ไอเดียนี้มาจากหนุ่มวัย 21 ปี คุณมิกซ์-วรินทร แท้ชัยศรี เจ้าของร้าน “themt_minitree” ขายต้นไม้ฟอกอากาศ ไม้มงคล ใส่กระถางเซรามิก เพื่อหาเงินแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยชายหนุ่มได้เริ่มทำกล่องสุ่ม เพราะเห็นว่ากระแสกำลังมาแรง
ขายในราคา ไซซ์ S ราคา 300 บาท ได้ต้นไม้ประมาณ 3-5 ต้น ไซซ์ M ราคา 500 บาท ได้ต้นไม้ประมาณ 4-7 ต้น และไซซ์ L ราคา 800 บาท ได้ต้นไม้ประมาณ 5-9 ต้น ซึ่งต้นไม้ที่นำมาใส่กล่องสุ่ม คือต้นไม้ในร้านที่ยังสวยสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ใช่ต้นไม้คัดทิ้ง การันตีได้เลยว่าต้นไม้ในกล่องมูลค่ามากกว่าราคากล่อง แค่ลูกค้าเลือกต้นไม้ไม่ได้เท่านั้นเอง
กล่องสุ่มพิมรี่พาย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือกล่องสุ่ม 1 แสนบาท โดยเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พิมรี่พาย ได้เปิดขายกล่องสุ่ม รหัสรวย 1 ผ่านไลฟ์ในเพจพิมรี่พายขายทุกอย่าง กล่องละ 1 แสนบาท เพื่อขายให้บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังคนหนึ่งที่เรียกร้องมา แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดขายกลับมีลูกค้า CF กล่องสุ่ม 1 แสน จำนวน 1,000 กล่อง ในเวลา 10 นาที
และเมื่อลูกค้าได้รับกล่องสุ่ม 1 แสนก็สร้างความฮือฮาอีกครั้ง เพราะพิมรี่พายแจกชุดใหญ่ไฟกะพริบ คือรถยนต์คันใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ ทอง เครื่องสำอาง ฯลฯ เกินมูลค่าราคากล่องสุ่มไปมาก
ต่อมาพิมรี่พาย ยังได้เปิดขายกล่องสุ่ม ราคา 1 หมื่นบาท กระแสตอบรับยังดีเช่นเคย แต่ก็เริ่มมีดราม่าให้เห็น เพราะบางคนโชคดีได้รางวัลใหญ่ แต่บางคนต้องผิดหวังกับของในกล่องที่มองว่าได้ไม่คุ้มเสียเลย
กล่องสุ่มอาหารทะเล
ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือกล่องสุ่มอาหารทะเล ฮิตถึงขนาดที่ว่ามีหลายเว็บไซต์รวบรวมร้านขายกล่องสุ่มอาหารทะเลไว้ให้ลูกค้าเลือกซื้อ เช่น ร้านแพเจริญทรัพย์ กล่องสุ่มอาหารทะเล by Kalawin จะเปิดขายกล่องสุ่มทุกวันบนหน้าเพจ คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่แบบวันต่อวัน ในราคาเดียว 799 บาท
กล่องสุ่มไก่
ด้วยความฮิต ร้านปิ้งย่างเสียบไม้เตาถ่านสไตล์ญี่ปุ่น やきとり- Yakitori อิหยังวะ สาขาเชียงใหม่ จึงขอตามเทรนด์เปิดจองกล่องสุ่ม แต่ไม่ใช่กล่องสุ่มธรรมดา เพราะกล่องสุ่มที่ว่า ดันเป็นสุ่มจริงๆ
โดยทางร้านโพสต์ภาพและข้อความว่า “ทางร้านやきとり- Yakitori อิหยังวะ ต้องกราบขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่อุดหนุนเราโดยสั่ง ‘กล่องสุ่ม’ ของเราเข้ามานะครับ สำหรับกล่องไหนที่เราไม่ได้ใส่ไก่ลงไปให้ด้วย เนื่องจากหลุดหนีระหว่างขนส่ง เราจะรีบนำส่งไก่ไปคืนให้เร็วที่สุดครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ #ร้านอิหยังวะ #เรื่องไก่ไว้ใจเรา #กล่องสุ่มที่แท้ทรู”
อย่างไรก็ตาม นอกจากกล่องสุ่มที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ยังมีกล่องสุ่มอื่นๆ อีกมากให้เลือกซื้อ แต่ก่อนตัดสินใจซื้อต้องทำใจแล้วว่ากล่องสุ่มไม่ใช่กล่องสั่ง จะโชคดีหรือผิดหวังต้องลุ้นเอา
อ่านเพิ่มเติม
“กล่องสุ่มต้นไม้” ไอเดียค้าขายสุดแหวก
จากคาแร็กเตอร์สนุก สดใส และจริงใจบนโลกออนไลน์ของ 4 สาวตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่อย่าง ‘ก้อย-นัตตี้-ดรีม’ สู่บทบาทใหม่ในฐานะเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง ร่วมกับ ทราย–ชนิกานต์ วัลลภศิริ หญิงเก่งผู้เป็นกำลังสำคัญที่ร่วมกันก่อตั้ง Bitch With Brain หรือ BWB แบรนด์บิวตี้สัญชาติไทยที่น่าจับตามอง ด้วยแนวคิดที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความงาม แต่ตั้งใจสร้างนิยามใหม่ให้ผู้หญิงกล้าสวยในแบบของตัวเอง พร้อมครีเอตหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจสาวไทยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบลัชฉ่ำคุมมันที่มีหลายเฉดสำหรับทุกสีผิว และสกินทินต์สำหรับวันเร่งรีบ ที่ช่วยให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องง่าย กลายเป็นสินค้าฮอตฮิตติดตลาดชิ้นแล้วชิ้นเล่า หลังเปิดตัวแบรนด์เป็นครั้งแรกที่ลาซาด้าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา Bitch With Brain เติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น และเป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมของสาวไทยสอดคล้องกับกระแส T-Beauty ที่กำลังมาแรง แต่พวกเธอมองภาพความสำเร็จของแบรนด์ที่ไกลกว่าการทำ “แบรนด์ของดารา” Bitch With Brain สร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงได้เฉลิมฉลองความเป็นตัวเองอย่างภาคภูมิใจ โดยเชื่อในความสวยที่หลากหลายและเคารพในทุกความแตกต่าง จุดยืนของพวกเธอสะท้อ
วุ้น ขนมหวานคลายร้อนที่หาทานได้ทั่วไป เมื่อก่อนมีอยู่ไม่กี่รสให้เลือกทาน เช่น วุ้นน้ำแดง วุ้นกะทิ และวุ้นมะพร้าวน้ำหอม แพ็กเกจของวุ้น จะเป็นถ้วยเล็กๆ ทรงเรขาคณิตบ้าง ทรงรูปสัตว์บ้าง ซึ่งเป็นแบบธรรมดาทั่วไป ปัจจุบัน ผู้ประกอบการหลายคน เกิดไอเดียนำส่วนผสมต่างๆ อาทิ ขนมไทย ผลไม้ไทย มาเป็นส่วนผสม เกิดเป็นรสชาติใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้ลอง อีกทั้งมีการคิดพัฒนาแพ็กเกจให้มีความโดดเด่น เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่าของสินค้า ที่ตลาดนัดแถวศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หน้าร้านร้านหนึ่ง มีลังโฟมใส่กล่องลูกชิ้น แต่ที่แปลกคือ ทำไมถึงแช่ไว้บนน้ำแข็ง จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ กลับไม่ใช่ลูกชิ้นอย่างที่คิด เป็นวุ้นเสียบไม้แทนเสียนี่ “วุ้น*ชิ้น*สด” คือชื่อของวุ้นหน้าตาแปลกใหม่นี้ มีสองสามีภรรยาเป็นเจ้าของแบรนด์ คือ คุณนุ่น-วิภาดา มินาลัย อายุ 43 ปี และ คุณก๊อก-เจษฎา โยธาปาน อายุ 44 ปี คุณนุ่นเล่าให้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ฟังว่า เธอจบนิเทศศาสตร์ ส่วนสามีจบบริหารธุรกิจ เมื่อก่อนทำงานประจำ แต่ตอนนี้เป็นฟรีแลนซ์ทั้งคู่ โดยคุณก๊อก สามีของคุณนุ่นเป็นคนชอบทำอาหาร ทำขนมจุกจิก จึงคิดอยากจะทำวุ้นข
อยู่คอนโดฯ ก็มีเงินแสนได้! ด้วยอาชีพ ปั้นขนมขายตามออร์เดอร์ เลี้ยงตัวเองสบายๆ โควิด เข้ามาทำให้ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป ไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่ง เรื่องงาน จากที่ทำงานประจำอยู่ดีๆ บางคนชีวิตผกผันตกงานฟ้าผ่า บ้างก็กลายเป็นโอกาสให้บางคนเปลี่ยนสายอาชีพ เช่นเดียวกับ คุณพลอย-นวีนา งามละมัย เจ้าของร้าน Nana.sweeties นามะกาชิ คนนี้ คุณพลอย เล่าให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า เธอเปิดร้านขนมนามะกาชิมาได้กว่า 6 เดือนแล้ว โดยขนมนามะกาชิ เป็นขนมที่เธอประยุกต์ขึ้นมาเอง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ขนมญี่ปุ่นโบราณ อย่าง เนริกิริ {Nerikiri (練り切り)} ซึ่งเป็นขนมหวานที่ทำจากแป้ง ผสมกับถั่วขาวกวนห่อไส้ถั่วแดง ที่ปั้นออกมาให้มีรูปร่างหน้าตาน่ารักๆ อย่าง ดอกไม้ หรือสัตว์ต่างๆ ผนวกกับทางบ้านของคุณพลอย ทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำขนมเปี๊ยะอยู่แล้ว เธอจึงได้ช่วยที่บ้านทำมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่แปลกที่พอจะมีวิชาความรู้ติดตัว “จริงๆ เรียนจบครุศาสตร์ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ค่ะ จบมาก็ทำงานประจำอยู่พักหนึ่ง จนเจอโควิด ไปทำงานไม่ได้ เลยคิดว่า ลาออกมาหาอะไรทำดีกว่า ที่บ้านทำพวกขนมเปี๊ยะขายอยู่แล้ว เลยคิดว่า ขนมของแม่ที่ทำขายเลี้ยงเรามา ม
“Cell Broadcast” ระบบแจ้งเตือนภัยเพื่อกระจายข้อมูลฉุกเฉินผ่าน SMS ที่หลายประเทศทั่วโลกใช้กันมานานแล้ววว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมประเทศไทยจึงไม่มี Emergency Alert System หรือ ระบบแจ้งเตือนภัย ที่หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนจะมี “ระบบการแจ้งเตือนภัย” (Emergency Alert System) ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ “Cell Broadcast” ล่าสุดทาง สำนักงาน กสทช. ได้ออกมากำชับทุกค่ายมือถือให้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ในการดูแลสถานีฐานและขยายสัญญาณให้พร้อมใช้งานได้ปกติ รวมทั้งเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์กับสำนักงาน กสทช. อย่างต่อเนื่อง และได้มีการประสานสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ในการรับสัญญาณถ่ายทอดสด หากมีการรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน Cell Broadcast คืออะไร? Cell Broadcast คือ วิธีการส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือหลายๆ เครื่อง ในพื้นที่ให้บริการพร้อมกันในคราวเดียว รองรับตั้งแต่ 2G, 3G, 4G LTE ไปจนถึง 5G ปัจจุบันรัฐบาลในประเทศทั่วโลกมีการนำระบบ Cell Broadcast มาใช้แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์ภัยพิบัติฉุกเฉินเป็นวง
